AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

แม่ช็อก ลูกสาวถูกเพื่อนแกล้งจนอวัยวะเพศบวม

ลูกสาวถูกเด็กชายร่วมชั้นกระทำอนาจารจน ลูกสาวอวัยวะเพศบวม

จากข่าวเหตุการณ์น่าตกใจที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อคุณแม่พาลูกสาวตัวน้อยวัย 4 ขวบมาแจ้งความว่า ลูกถูกเด็กชายร่วมชั้นกระทำอนาจารจน ลูกสาวอวัยวะเพศบวม ท่อปัสสาวะอักเสบ ซึ่งได้แจ้งทางครูประจำชั้นแล้ว แต่เรื่องก็เงียบไป จนลูกสาวมีอาการซึมเศร้า

ลูกสาวอวัยวะเพศบวม เพราะเพื่อนชายแกล้ง

คุณแม่เล่าว่า คุณแม่ทราบเรื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะกำลังอาบน้ำให้ลูกสาว แล้วลูกน้อยบ่นว่าเจ็บ จึงพยายามสอบถาม จนลูกสาวบอกว่าถูกเพื่อนชายร่วมชั้นแกล้ง ใช้นิ้วแหย่เข้าไปในอวัยวะเพศ คุณแม่จึงพาลูกน้อยไปพบแพทย์ คุณหมอระบุว่าช่องคลอดของลูกน้อย ถูกกระแทกจนอักเสบ และมีการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ และแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง เพื่อจะได้เป็นหลักฐานในการแจ้งความ

เครดิตภาพ: สนุกดอทคอม

หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณแม่สังเกตเห็นว่า ลูกน้อยมีอาการหวาดกลัวที่จะไปโรงเรียน และมีอาการซึมเศร้า จึงพาลูกน้อยไปพบจิตแพทย์ ทางคุณหมอแจ้งว่า ต้องได้รับการบำบัดทางจิตเวชอบอย่างต่อเนื่อง คุณแม่ได้ติดต่อไปยังครูประจำชั้น เพื่อเรียกให้ผู้ปกครองของเด็กชายที่ทำร้ายลูกสาวมาตกลง รับผิดชอบความเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลต่างๆ แต่คุณครูพยายามที่จะพูดกลบเกลื่อน อ้างเหตุผลว่าติดต่อผู้ปกครองของเด็กชายไม่ได้ คุณแม่จึงมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เป็นคนกลางติดต่อผู้ปกครองของเด็กชายมาพูดคุยกัน

นอกจากนี้ คุณแม่เล่าว่า ครูประจำชั้นบอกว่า ได้สอบถามผู้ปกครองของเด็กชายแล้ว เขาบอกว่าลูกชายไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้คุณแม่เกิดความหวาดกลัวว่า ถ้าไม่ใช่เด็กทำ แล้วเป็นผู้ใหญ่ทำยิ่งน่ากลัวขนาดไหน เบื้องต้น ทางตำรวจที่ทราบเรื่อง ได้ติดต่อผู้ปกครองของเด็กชายมาเจรจาแล้ว ถ้าสอบสวนแล้วเป็นเรื่องจริง ก็จะมีความผิดทางอาญาต่อไป

ชมคลิปข่าวได้ที่นี่

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “ประสบการณ์เรื่องเพศของจริงจากแม่น้องเล็ก” คลิกหน้า 2

ประสบการณ์เรื่องเพศของจริงจากแม่น้องเล็ก

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ถึงความไร้เดียงสาของเด็กที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องเพศ แม่น้องเล็กเองก็เคยมีประสบการณ์กับเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เช่นกันค่ะ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสมัยที่แม่น้องเล็กยังอยู่ในวัยอนุบาล และจดจำเป็นบทเรียนมาจนถึงทุกวันนี้

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กหญิงวัยอนุบาล 3 (ตัวแม่น้องเล็กเอง) กับลูกพี่ลูกน้องชายคนหนึ่ง ไปเยี่ยมบ้านญาติผู้ใหญ่ ซึ่งขณะนั้นญาติผู้ใหญ่คนนี้กำลังดูวิดีโออยู่ภายในบ้าน เด็กน้อยทั้ง 2 คน ไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนั้นมาก่อน จึงแอบดู แล้วลูกพี่ลูกน้องชายก็บอกกับเด็กหญิงว่า “เราไปลองทำตามกันดูไหม พรุ่งนี้หลังเลิกเรียน” ด้วยความอยากรู้ตามประสาเด็กน้อย เด็กหญิงจึงตอบตกลงไปโดยไม่ได้คิดอะไร

เมื่อถึงเย็นวันรุ่งขึ้นหลังเลิกเรียน เด็กหญิงไปพบเด็กชายที่หลังโรงเรียนเพื่อที่จะลองทำตามในวิดีโอนั้นดู แต่กลับพบเด็กชายอีก 2 คน ที่มากับลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วย เด็กหญิงเกิดความรู้สึกตกใจ กลัว จึงวิ่งหนีออกมา

สอนลูกเรื่องเพศ

แม่น้องเล็กโชคดีมากนะคะ ที่เหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะตกใจกลัว แล้ววิ่งหนีออกมาก่อน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิตก็เป็นได้ หลังจากเกิดเรื่องได้ไม่นาน แม่น้องเล็กก็เล่าให้คุณแม่ฟัง ด้วยความเป็นเด็กที่ชอบเล่านู่น เล่านี่อยู่แล้ว คุณแม่ตกใจมากที่ได้ยิน แล้วรีบสอนแม่น้องเล็กเกี่ยวกับเรื่องเพศเป็นการด่วน จึงได้เข้าใจค่ะ

สมัยนี้เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องที่เมื่อถึงวัยเข้าสู่วัยรุ่นแล้วค่อยรู้แล้วนะคะ เพราะเทคโนโลยี และสื่อในสมัยนี้ไปไวกว่าสมัยก่อนๆ มาก เราไม่รู้หรอกค่ะว่าลูกน้อยจะเปิดเข้าไปเจอกับสื่ออะไรบ้างในโลกออนไลน์ เพราะเราไม่สามารถจับตาดูลูกน้อยได้ตลอดเวลา คุณพ่อ  คุณแม่จึงควรเตรียมความพร้อม และสอนลูกน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ตั้งแต่เล็กๆ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “สอนลูกเรื่องเพศอย่างไรดี?” คลิกหน้า 3

สอนลูกเรื่องเพศอย่างไรดี?

คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ให้ความรู้เกี่ยวกับการสอนลูกเรื่องเพศเอาไว้ ตามความเข้าใจของแม่น้องเล็ก ความรู้เรื่องเพศ มาเร็วกว่าที่คุณพ่อ คุณแม่คิด สมัยก่อนเราอาจคิดว่าเรื่องเพศเป็นหน้าที่ของคุณครู หรือคุณพ่อ คุณแม่ที่จะสอนลูกเมื่อถึงวัยอันสมควร แต่เด็กๆ สมัยนี้เรียนรู้กันตลอดเวลา

ถ้าไม่มีคนแนะแนวทางที่ดี ก็อาจจะได้รับข้อมูลแบบไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องเพศในปัจจุบันมีกว้างขวางมาก ตั้งแต่เด็กทารกเกิดมาจากไหน ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชาย และผู้หญิง รวมถึงพวกเขาเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร

เด็กๆ เรียนรู้เรื่องเพศตั้งแต่เริ่มรู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อ และคุณแม่ ความรู้สึกของคุณพ่อ คุณแม่ที่มีต่อลูกชาย ลูกสาว ความแตกต่างทางกายภาพระหว่างเพศชายและเพศหญิง

เด็กๆ จึงจำเป็นต้องรู้ว่า ความสัมพันธ์ทางเพศต้องมีด้านจิตใจร่วมด้วย คนที่รักกันต้องห่วงใยกันและกัน อยากให้คนที่รักมีความสุขและไม่ลำบาก ต้องการมีลูกที่น่ารักด้วยกัน ถึงแม้ว่าคุณพ่อ คุณแม่จะพูดเรื่องเหล่านี้ให้เด็กอายุ 1 ขวบฟังไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเป็นเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป การที่ลูกได้เห็นคุณพ่อ คุณแม่ กอดกัน หอมแก้มกัน รวมไปถึงการเอาใจใส่ ช่วยเหลือกัน และเคารพซึ่งกันและกัน จะช่วยให้ลูกน้อยเรียนรู้เรื่องเพศได้อย่างถูกต้อง

สอนลูกเรื่องเพศ

เวลาที่คุณพ่อ คุณแม่ตอบคำถามลูกน้อย ว่าคนเราเกิดมาได้อย่างไร คุณพ่อ คุณแม่ทำอย่างไร ควรบอกลูกไปว่า เพราะพ่อกับแม่รักกัน ต้องการทำบางสิ่งบางอย่างที่ดีให้กัน ต้องการมีลูกด้วยกัน และอยากร่วมกันดูแลลูก เวลาสอนลูกน้อยเรื่องเพศ อย่าสอนแค่เพียงระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายเพียงอย่างเดียว ให้สอดแทรกความรัก ความห่วงใย ความเอื้ออาทรของคนรักกัน อย่างเช่นคุณพ่อ คุณแม่เป็นตัวอย่างเสมอ

การสอนเรื่องเพศกับเด็กทารก สอนได้ตั้งแต่ลูกยังพูด หรือตั้งคำถามไม่ได้ เช่น เวลาอาบน้ำ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อม คุณพ่อ คุณแม่อาจชวนลูกคุยแบบสบายๆ เกี่ยวกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงอวัยวะเพศด้วย “แม่จะเช็ดจุ๋มจิ๋มของหนูแล้วนะ หรือ มาเช็ดจุ๊ดจู๋ให้สะอาดกันดีกว่า” ไม่ควรใช้คำพูดที่รู้จักกันเฉพาะครอบครัว เพราะลูกน้อยจะสื่อสารกับคนนอกไม่เข้าใจ และไม่ควรทำให้ลูกรู้สึกว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยง หรือน่ารังเกียจ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “สอนลูกเรื่องเพศอย่างไรดี?” คลิกหน้า 4

คำถามที่ลูกวัย 2 ขวบครึ่ง – 3 ขวบชอบถาม มักมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเพศ และติดคำพูดว่า “ทำไม” เพราะลูกอยากรู้อยากเห็นในทุกๆ เรื่อง เช่น อยากรู้ว่าทำไมของเด็กผู้ชายถึงไม่เหมือนเด็กผู้หญิง เวลาที่ลูกถาม เขาจะไม่ได้คิดว่ามันเป็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องเพศ แต่ถ้าลูกน้อยได้รับข้อมูลมาผิดๆ จะส่งผลต่อความคิดเรื่องเพศที่ผิดเพี้ยนไปจนโต

ทารกมาจากไหน? มักเป็นคำถามที่เด็กวัย 3 ขวบชอบถาม คุณพ่อ คุณแม่ควรพูดความจริงดีกว่าที่จะแต่งเรื่องเล่าปรัมปรา แล้วต้องมาเปลี่ยนแปลงเป็นคำตอบอื่น ควรใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย เช่น “ทารกอยู่ในที่ที่พิเศษที่เรียกว่ามดลูก ซึ่งอยู่ในท้องของแม่” คุณพ่อ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องบอกไปมากกว่านี้ ถ้าเขาไม่ได้ถามต่อ แต่ถ้าเขาอยากรู้เพิ่มว่า ทารกอยู่ในท้องแม่ได้อย่างไร แล้วออกมาได้อย่างไร

ในตอนแรก คุณแม่อาจจะกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบ เพราะคิดว่าจะต้องอธิบายเรื่องเพศสัมพันธ์ให้ลูกฟัง จริงๆ แล้วเด็กๆ เพียงคิดว่าทารกเกิดจากคุณแม่รับประทานอะไรเข้าไป แล้วเข้าไปโตในท้องได้ คำตอบง่ายๆ คือ “ทารกเกิดจากส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่อยู่ในร่างกายของแม่” เมื่อลูกได้ฟังแล้ว เขาจะพอใจคำตอบ แต่ถ้าเขามีความสงสัยต่อว่า “แล้วพ่อมีส่วนร่วมอย่างไร?”

สอนลูกเรื่องเพศ

คุณพ่อ คุณแม่บางคนแนะนำว่า ควรบอกให้ลูกรู้ตั้งแต่แรก ว่าคุณพ่อเป็นคนใส่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของคุณพ่อเข้าไปในตัวของคุณแม่ วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดี ถ้าคนถามเป็นเด็กผู้ชาย แต่อาจรู้สึกว่าทำไมผู้ชายถึงไม่มีบทบาทในการกำเนิดทารก ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำว่า คำตอบสำหรับเด็ก 3 – 4 ขวบ ยังไม่ควรมีความรู้สึกของเพศสัมพันธ์มาเกี่ยวข้อง เพราะมากเกินไปกว่าที่เขาต้องการรู้ ดังนั้นหลักสำคัญคือ ตอบให้ลูกเข้าใจง่าย และรู้สึกดีต่อการได้ถามสิ่งที่อยากรู้ เพราะมีผลต่อการเรียนรู้ของลูก และอย่าหงุดหงิดเวลาที่ลูกน้อยถาม

ทารกออกมาจากท้องแม่ได้อย่างไร? คำตอบที่ควรพูดคือ เมื่อเด็กทารกโตเต็มที่แล้ว จะออกมาทางช่องทางพิเศษ เรียกว่า ช่องคลอด จะเปิดออกก็ต่อเมื่อถึงเวลา ไม่ใช่ช่องเดียวกับทางออกของอุจจาระ ปัสสาวะ

เด็กเล็กๆ มักตกใจกับเลือดประจำเดือนของคุณแม่ เพราะคิดว่าคุณแม่ได้รับบาดเจ็บ ให้คุณแม่อธิบายว่า “ผู้หญิงทุกคนจะมีของเหลวที่ปล่อยออกมาทุกเดือน ซึ่งไม่ได้เจ็บปวด หรือเป็นอันตรายเลยจ้ะ”

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “สอนลูกเรื่องเพศอย่างไรดี?” คลิกหน้า 5

ทำไมไม่บอกลูกว่าทารกเกิดมาจากนกกระสาคาบมาให้? เพราะเด็กๆ เห็นเสมอว่าท้องของคุณแม่โตขึ้น อาจสังเกตเห็นคุณแม่คุยกับคนอื่นเรื่องท้อง อาจได้ยินว่ามีเด็กอยู่ในท้อง ถ้าคุณพ่อ คุณแม่บอกให้เขาเชื่อแบบนั้น เขาจะเชื่อได้ไม่สนิทใจ คิดว่าคุณพ่อ คุณแม่เป็นจอมโกหก ชอบแต่งเรื่อง และทำให้ลูกไม่กล้าถามอีกเลย

คุณพ่อ คุณแม่ต้องจำไว้ว่า เด็กเล็กๆ ไม่สามารถเข้าใจอะไรได้จากการฟังเพียงครั้งเดียว ต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละเล็กละน้อย รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับคำถามของลูก เพราะอาจเกิดขึ้นในเวลาไหนก็ได้ เช่น ก่อนเข้านอน ขณะซื้อของอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือตอนที่คุณแม่กำลังคุยกับคนท้องคนอื่น เมื่อลูกถามให้คุณพ่อ คุณแม่ตอบถ้าตอบได้ แต่ถ้ายังไม่เหมาะให้บอกลูกว่า “เดี๋ยวพ่อแม่บอกลูกทีหลังนะจ้ะ ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องนี้ เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย”

อย่าให้การตอบคำถามเป็นเรื่องลึกลับ หรือน่าอับอาย ให้พูดธรรมดาๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ เช่น ทำไมหญ้ามีสีเขียว หรือสุนัขมีหาง ลูกน้อยถามเพราะอยากรู้เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เขาต้องการรู้เท่านั้น ถ้าลูกถามว่า “ทำไมแม่ต้องแต่งงานก่อนแล้วค่อยมีลูก” หรือ “พ่อทำให้ลูกเกิดมาได้ยังไง” ถ้าลูกน้อยอยู่ในวัย 4-5 ขวบขึ้นไป ให้ตอบลูกน้อยไปว่า “ส่วนเล็กๆ ที่ออกมาจากอวัยวะเพศของพ่อ เข้าไปในมดลูกของคุณแม่ แล้วโตขึ้นมาเป็นทารก”

สอนลูกเรื่องเพศ

แต่ยังมีเด็กบางคนที่ไม่ถามเรื่องเพศเลย ถ้าลูกน้อยไม่ถาม คุณพ่อ คุณแม่อาจคิดว่าลูกน้อยคงไม่สงสัย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ลูกจะคิดไปเองว่าเป็นเรื่องน่าอาย เพราะได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อ คุณแม่ หรือไม่ก็ได้ คุณพ่อ คุณแม่จึงต้องคอยสังเกตลูกน้อย และอธิบายเรื่องเพศให้ลูกน้อยฟังได้ทุกโอกาส เช่น เวลาที่ลูกเกิดสงสัยว่าทำไมท้องแม่โตขึ้นจากการตั้งครรภ์ เวลาที่ลูกสงสัยว่าทำไมเด็กชายต้องยืนปัสสาวะ แล้วเด็กหญิงไม่ควร เวลาอ่านนิทานเรื่องเจ้าหญิงเจ้าชายแต่งงานกันแล้วมีลูก คุณพ่อ คุณแม่สามารถสอนเรื่องเพศได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกถามก่อน

แม่น้องเล็กคิดว่า เมื่อลูกโตขึ้นถึงวัยที่เหมาะสม ทางโรงเรียนก็จะสอนเรื่องเพศให้ลูกน้อยตามหลักสูตรการศึกษา แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้น คุณพ่อ คุณแม่คือบุคคลที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุด ที่จะทำให้ลูกน้อยรู้และเข้าใจเรื่องเพศ และปกป้องตัวเองจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้นได้

ด้วยรักและห่วงใยนะคะ

#แม่น้องเล็ก

เครดิต: news ch7, สนุกดอทคอม, เพจคุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

สอนลูกให้รู้จัก “พื้นที่ส่วนตัว” ป้องกันถูกละเมิดทางเพศ

Kid safety พ่อแม่หรือคุณครูสอนเพศศึกษาแก่เด็กอย่างไรจึงเหมาะสม?

Kid Safety – เพศศึกษา ไม่ใช่เพศสัมพันธ์

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

Save