จากการรายงานข่าวของ Amarin TV ที่เผยแพร่สถิติเด็กถูก ข่มขืน กระทำชำเรา ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า ในปีที่ผ่านมามีเด็กเป็นเหยื่อถูกข่มขืนแล้วมากกว่า 100 คน โดยในปี 2559 มีเด็กถูกข่มขืน 120 คน และปี 2560 มีเด็กถูกข่มขืนแล้วกว่า 36 คน
วิธีการเลือกเหยื่อ ข่มขืน ของคนร้าย
จากเหตุการณ์ข่มขืน ที่ออกมาเป็นข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงแม้ว่าคุณแม่ และลูกน้อยจะระมัดระวังตัวแค่ไหน เหตุการณ์เหล่านี้ก็มักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอ และปัจจัยของเหตุการณ์นี้คือคนร้าย มักดื่มสุรา และของมึนเมา รวมไปถึงยาเสพติด หรือบ้างครั้งเกิดจากความใคร่ คุณพ่อ คุณแม่สงสัยบ้างไหมคะ ว่าพวกคนร้ายเขาเลือกเหยื่ออย่างไร
84% เลือกผู้หญิงที่เดินไปด้วย คุยโทรศัพท์ไปด้วย เพราะโทรศัพท์มือถือสามารถนำไปขายต่อได้อีกด้วย
87% เลือกผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าที่ถอดง่าย ถ้าคุณแม่และลูกน้อย สวมเสื้อผ้าที่ใช้เวลาถอดนาน เขาก็จะกลับมาดักรอเป็นครั้งที่ 2 พร้อมกรรไกร หรือคัตเตอร์
90% เลือกผู้หญิงผมยาว โดยเฉพาะหางเปีย หางม้า หรือแม้กระทั่งปล่อยตามธรรมชาติ เพราะกระชากจากด้านหลังได้ง่าย
96% เลือกผู้หญิงที่เดินทางไปในมาไหนในเวลากลางคืน เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกในเวลากลางคืน โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะสวย หรือหุ่นดี อาจมีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็เพียงพอแล้ว นักโทษบางคนให้ข้อมูลว่า ถ้าเวลานั้นเป็นเวลาปลดปล่อย เขาก็จะไม่เลือกว่าคนที่จะข่มขืนจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย หรือวัว หรือควาย
99% เลือกผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว มีนักโทษบางคน ทำทีเป็นวินมอเตอร์ไซค์ รับผู้หญิงคนที่ถูกใจจากกลุ่มเพื่อนไปข่มขืน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “สถานที่เสี่ยง เวลาเสี่ยง คนเสี่ยง” คลิกหน้า 2
สถานที่เสี่ยง เวลาเสี่ยง คนเสี่ยง
พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยผู้หญิง เพื่อเป็นการป้องกันภัย กล่าวว่า การป้องกันภัยสำหรับผู้หญิงนั้น มีหลักการเพียง 3 ข้อ ดังนี้
1.สถานที่เสี่ยงข่มขืน
สถานที่เปลี่ยว ไม่มีผู้คนเข้าออก หรือเข้าออกได้เพียงทางเดียว รวมทั้งห้องที่มิดชิด และอาจถูกปิดล็อกได้ง่าย หรือแม้กระทั่งห้องของเพื่อนผู้ชาย ก็ไม่อาจปลอดภัยกับคุณแม่ และลูกน้อย รวมไปถึงสถานเริงรมย์ต่างๆ ที่มีทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะตัวคุณแม่ หรือลูกน้อยอาจถูกหยอดยา หรือมอมเหล้า
2.เวลาเสี่ยงข่มขืน
จากสถิติพบว่า คดีอาชญากรรมนั้น มักจะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน มากกว่าเวลากลางวัน แต่ก็ใช่ว่าช่วงเวลากลางวันจะปลอดภัยเสมอไป ถ้าอยู่ในบริเวณที่ปลอดผู้คน และอยู่กันเพียงลำพังก็อาจเกิดความเสี่ยงได้เช่นเดียวกัน
3.บุคคลเสี่ยงข่มขืน
บุคคลที่อยู่ใกล้ตัว ที่เรามีปฏิสัมพันธ์อยู่ด้วย อาจเป็นได้ทั้งคนแปลกหน้า และคนใกล้ชิด ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ก็ไม่ควรที่จะอยู่ใกล้ โดยเฉพาะคนที่เป็นบุคคลวิกลจริต เช่น คนที่ดูเหมือนติดยาเสพติด เดินอยู่ตามป้ายรถเมล์
นักโทษ 80% สามารถข่มขืนได้ จากอุปกรณ์ที่ผู้หญิงมี เช่น เข็มขัด ลูกกุญแจ กระจกส่องหน้า
นักโทษ 70% จะเลิกล้มความตั้งใจ ถ้าผู้หญิงคนนั้นจ้องหน้าเขา แล้วเริ่มสนทนาสั้นๆ กับเขา ขณะที่เขาจะเข้ามาประชิดตัว เช่น ขอโทษค่ะ กี่โมงแล้ว
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “19 ข้อป้องกันตัวไม่ให้ถูกข่มขืน” คลิกหน้า 3
19 ข้อป้องกันตัวไม่ให้ถูกข่มขืน
1.ตั้งสติให้ดี สูดลมหายใจให้ลึกๆ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองให้ตื่นตัว
2.ถ้ายังไม่ถูกจู่โจม หรือประชิดตัว ให้หาทางหลบนี้ให้เร็วที่สุด
3.ประเมินสถานที่ ถ้าเป็นที่โล่ง เช่น ทุ่งนา ป่ากล้วย หรือห้องแคบๆ โอกาสในการรอดจะน้อยมาก
4.ถ้าเป็นเวลากลางคืน ให้วิ่งไปในทางที่มีแสงสว่าง ถ้าอยู่ในระยะไกลคน ไม่ควรร้องตะโกนให้ใครช่วย เพราะจะเสียแรงเปล่า และคนร้ายจะสามารถตามเราได้จากเสียงตะโกน
5.ถ้าประเมินแล้ววิ่งหนีไม่ทัน ให้มองหาที่หลบซ่อนที่คนร้ายไม่สามารถดึงตัวเราออกมาได้ เช่น ใต้ท้องรถยนต์ กอไผ่ และมองหาสิ่งที่พอจะทำเป็นอาวุธได้ เช่น ท่อนไม้ยาวๆ หรือปากกา ก้อนหิน แล้วเก็บซ่อนเอาไว้กับตัว
6.ถ้าเป็นห้องแคบๆ ให้ร้องตะโกนเรียกให้คนช่วย เช่น ไฟไหม้
7.ถ้าหนีไม่ทัน และถูกคนร้ายจับตัวได้ โอกาสรอดจะเหลือเพียง 1% อย่ายอมให้คนร้ายทำให้เราหมดสติ เพราะถ้าหมดสติโอกาสรอดจะเป็น 0% และอาจถูกฆ่าตายได้
8.ถ้าถูกล็อกคอจนหายใจไม่ออก เพราะคนร้ายจะพยายามทำให้เราหยุดดิ้น หยุดร้อง เขาอาจบีบคอจนตาย หรือทำร้ายจนหมดสติ ให้หยุดดิ้น แล้วบอกว่า “ยอมแล้วๆ อย่าฆ่าฉัน ลูกฉันยังเล็ก มีแม่ที่ต้องเลี้ยงดู” เผื่อคนร้ายจะปล่อยมือ
9.ถ้าคนร้ายมีอาวุธร้ายแรง เช่น มีด ปืน ไม่ควรต่อสู้ แล้วบอกว่ายอมแล้ว เพื่อหน่วงเวลาเอาไว้
11.ต่อรองกับคนร้ายว่าอย่าข่มขืน ถ้ามีทรัพย์สิน เช่น สร้อย แหวน ให้ปลดออกมาแล้วบอกว่า “ให้ไปเลย ปล่อยฉันไป จะไม่ไปแจ้งตำรวจ” เผื่อคนร้ายจะเปลี่ยนใจ
12.ถ้าต่อรองไม่สำเร็จให้ทำทีเป็นยอม แล้วบอกว่า สถานที่ไม่อำนวย ไปหาสถานที่อื่นที่ดีกว่านี้ เพื่อหน่วงเวลา
13.ระหว่างเจรา ควรบอกว่าเราเป็นกามโรค มีประจำเดือน หรือเป็นเอดส์ แล้วบอกว่าจะให้ทรัพย์สินแทน โดยการให้บัตร ATM และรหัสลวงไปแทน เผื่อคนร้ายจะไม่ข่มขืน
14.ถ้าคนร้ายพยายามข่มขืนอีก ให้ทำทียอมจูบปาก แล้วรอจังหวะกัดลิ้นให้เร็ว และแรงที่สุด แล้วรีบดิ้นหลุดออกมา ไม่เช่นนั้นอาจถูกทำร้ายถึงชีวิต
15.ถ้าคนร้ายให้ช่วยสำเร็จความใคร่ ก็ฉวยโอกาสขณะคนร้ายถอดกางเกง แล้วเตะผ่าหมากคนร้ายให้เร็ว และแรง แล้วรีบวิ่งหนี
16.ถ้าถูกคนร้ายกดทับตัว ถ้าอยู่ในบริเวณป่า หรือพื้นดิน ให้เอากิ่งไม้ หรือปากกาที่ซ่อนไว้ ทิ่มตาคนร้าย แล้วรีบวิ่งหนี ถ้าเป็นพื้นทรายให้กำทรายแล้วขว้างใส่ตาคนร้ายที่อยู่ในระยะประชิด แล้วรีบวิ่งหนี
17.ถ้าทำทุกอย่างแล้ว ยังถูกข่มขืน ก็ขอให้รักษาชีวิตเอาไว้ เพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ มาลงโทษ
18.ถ้าสถานที่เกิดเหตุเป็นบ้าน หรือห้องพักของเราเอง ควรซ่อนอาวุธเอาไว้ในจุดที่ใกล้มือที่สุด และใช้การเจรจาต่อรอง เพื่อหน่วงเวลาเพื่อให้คนร้ายตายใจ เช่น บอกว่าใส่ถุงยางก่อน เดี๋ยวไปหยิบให้ ถ้ามีโอกาสให้รีบวิ่งเข้าห้อง ล็อกประตู ขังตัวเองเอาไว้ แล้วตะโกนว่าไฟไหม้
19.อย่ารอให้เกิดเหตุแล้วป้องกัน ถ้ามีเวลาควรไปเรียนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว เพื่อเอาตัวรอดในยามคับขัน
เครดิต: Amarin TV, ผู้จัดการออนไลน์, กระปุกดอทคอม, ไทยรัฐออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
อย่าละสายตาจากลูกน้อยแม้แต่วินาทีเดียว
7 ภัยอันตราย… ใกล้ตัวลูกน้อย
ลูกถูกลักพาตัวในที่ทำงาน พ่อแม่ควรระวังสถานที่คุ้นเคย และคนใกล้ตัว
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save
Save