ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในปีนี้ โนโรไวรัส ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เด็กท้องเสีย เกิดการระบาดหนัก โดยเฉพาะในโรงเรียนต่างๆ พบเด็กป่วยเป็นจำนวนมาก
โนโรไวรัส ทำให้เด็กท้องเสีย
เด็กส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นเด็กอนุบาล หรือเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โดยไวรัสชนิดนี้ จะทำให้ท้องเสียได้ทุกช่วงอายุ แต่จะพบมากในเด็กเล็ก คนที่ติดเชื้อจะอาเจียน มีไข้ไม่สูงมาก ปวดท้อง ท้องเสีย แต่สามารถหายได้เอง แต่กับบางคนที่ขาดน้ำ อาจจะต้องให้น้ำเกลือ หรือนอนโรงพยาบาล ซึ่งจะเป็นประมาณ 2 – 3 วัน และคาดว่ามีผู้ป่วยทั่วโลกปีละมากกว่า 250 ล้านคน และเสียชีวิตประมาณ 200,000 คน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “เด็กท้องเสีย-อาเจียน เพราะโนโรไวรัสระบาด” คลิกหน้า 2
โนโรไวรัส มีความคงทนในสิ่งแวดล้อมมาก น้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ รวมถึงแอลกอฮอล์ ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ ซึ่งสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ จะอยู่ในพวกฟอร์มาลีน กลูตารอลดีไฮด์ และสารประกอบคลอรีน เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรด์ 2% คลอรอกซ์ และไฮเตอร์ สารดังกล่าวจะมีกลิ่นเหม็นมาก จึงใช้ยาก นอกจากใช้ล้างห้องน้ำ หลักการปฏิบัติเพื่อป้องกันโนโรไวรัส จึงต้องใช้หลักการทำความสะอาดด้วยการใช้น้ำ และสบู่ล้างมือ ทำความสะอาดให้มากที่สุด คือใช้น้ำชะล้าง เพื่อให้ไวรัสเจือจางให้มากที่สุด และทำความสะอาดเครื่องใช้ให้สะอาดเช่นกัน
โนโรไวรัสนี้ ไม่ใช่ไวรัสใหม่ แต่เดิมชื่อ นอร์วอร์ก ซึ่งพบครั้งแรกในอเมริกา ไวรัสชนิดนี้มีระยะฟักตัวสั้นแค่ 12 – 48 ชั่วโมง ในอดีตในประเทศไทยไม่ค่อยพบไวรัสชนิดนี้ จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว พบว่ามีการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็ก และมีการระบาดในโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนดัง และโรงเรียนนานาชาติ คุณพ่อ คุณแม่ต้องพาลูกน้อยไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจหาเชื้อถึงจะรู้ว่าเป็นโนโรไวรัส
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “การรักษา และป้องกันโนโรไวรัส” คลิกหน้า 3
การรักษา และป้องกันโนโรไวรัส
ปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะที่จะขจัดเชื้อไวรัสนี้ การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการ ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นใน 3- 4 วัน ในเด็กที่มีอาการไม่รุนแรง จะให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ถ้าหากอาเจียน หรือท้องเสีย ให้รับประทานอาหารอ่อนๆ และให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง ตามอาการ
ถ้าเกิดภาวะขาดน้ำ หรืออาเจียน ปวดท้อง และถ่ายตลอดเวลา อาจเกิดอันตราย ช็อค ความดันโลหิตต่ำ และเสียชีวิตได้ คุณพ่อ คุณแม่ควรรีบพาลูกน้อยมารักษาที่โรงพยาบาลโดยด่วน คุณหมอจะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด
คนที่มีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัว จึงต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสชนิดนี้
- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่ และน้ำอย่างน้อย 15 วินาที หลังเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม ก่อน และหลังรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงน้ำ หรืออาหารที่ไม่สะอาด เพราะเชื้อจะอยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในน้ำได้นาน
- ล้างผัก ผลไม้ ให้สะอาด ทำอาหารให้สุกก่อนรับประทาน
- ทิ้งเศษอาเจียน อุจจาระอย่างระมัดระวัง ใช้ผ้าชุบน้ำซับ ไม่ให้ฟุ้งกระจาย และทิ้งลงถุงพลาสติก
- ผ้าอ้อม หรือเสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระ ควรแยกซักต่างหาก และต้องรีบซักให้สะอาดโดยเร็ว หรือทิ้งไป
- เช็ดทำความสะอาดพื้นที่ปนเปื้อนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน
- ผู้ที่มีอาการป่วย ควรงดประกอบอาหาร เพราะสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ หลังจากมีอาการ 3 วัน
- เด็กๆ ควรงดไปโรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัส
- หลีกเลี่ยงการเดินทาง หรือไม่ออกจากบ้านจนกว่าจะหายดี
เครดิต: ผู้จัดการออนไลน์, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
ท้องเสีย อาเจียน
การดูแลเมื่อลูกท้องเสีย
รู้จัก ไวรัสโรต้า ต้นเหตุลูกน้อยท้องร่วง พร้อมราคาวัคซีน
Save
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save
Save
Save
Save