AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

แปรงสีฟันสกปรก แค่ลวกน้ำร้อนก็สะอาด จริงหรือ?

แปรงสีฟันสกปรก แค่ลวกน้ำร้อน ก็สะอาดแล้วจริงหรือมั่วนิ่ม? ร่วมไขข้อข้องใจได้ที่นี่

 

 

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อยาสีฟันกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคเสียเอง!! พบกับเรื่องราวของภัยใกล้ตัวที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องอึ้ง! พร้อมคลิปที่จะมาอธิบายถึงข้อเท็จจริงว่า จริงหรือไม่?! ที่ก่อนใช้แปรงสีฟันต้องลวกน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อน?

ซึ่งครั้งนี้ รองศาสตรจารย์ทันตแพทย์พรชัย จันศิษย์ยานนท์ ประธานราชวิทยาลัยทันตแพทย์แห่งประเทศไทยจะมาร่วมไขข้อข้องใจนี้ให้กับพวกเราทุกคนกันค่ะ

อ่านต่อ >> เรื่องราวของแปรงสีฟันได้ที่หน้าถัดไป

 

 

เจมส์ ซอง นักเคมีจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ระบุว่า แปรงสีฟันที่ใช้งานนานเกินไป ถือเป็นหนึ่งในวัตถุอันตรายในครัวเรือน และทว่าสามารถส่งผลให้ร่างกายมีปัญหาสุขภาพมากมายได้ ยกตัวอย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไขข้อ และการติดเชื้อเรื้อรัง เป็นต้น

ซึ่งตามทฤษฎีของซองนั้น ดูเหมือนว่า มีแบคทีเรียจำนวนมากจะซุกซ่อนอยู่ในแปรงสีฟัน และแบคทีเรียเหล่านี้เดินทางเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ใช้โดยตรงผ่านรอยแผลเล็ก ๆ ที่เหงือก ซึ่งเจ้าแบคทีเรียเหล่านี้นี่ละค่ะ ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุดตันของเส้นเลือด


จริงอยู่ที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เมื่ิไม่นานมีนี้ได้ผลการวิจัยเของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ พบว่าแปรงสีฟันทั่ว ๆ ไปนั้นเป็นแหล่งอาศัยของเชื้อโรคประมาณ 10 ล้านตัว ซึ่งรวมถึงแบคทีเรียอันตรายอย่าง staphylococci, streptococcus, E. coli และ candida เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ดร. ทาเร็ก ไอดริส ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมตกแต่งจากฮาร์เลย์ สตรีท กล่าวว่า มีการตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ บี และซีในแปรงสีฟัน และสปอร์ของไวรัสตับอักเสบบีสามารถอยู่รอดได้นานหลายเดือน นอกจากนั้น แปรงสีฟันเปียกชื้นยังเป็นแหล่งกบดานสมบูรณ์แบบของแบคทีเรียร้ายหลายชนิด

 “เกือบจะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างมากที่แปรงสีฟันถือเป็นวัตถุอันตรายในบ้าน เราไม่ควรทิ้งแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำแล้วใช้แล้วใช้อีกโดยไม่ล้างให้สะอาดเสียก่อน” ไอดริสเสริม

นอกจากนั้น การทิ้งแปรงสีฟันไว้ในแก้วเดียวกับคนอื่น ก็อาจทำให้เชื้อโรคติดต่อถึงกันหากแปรงสีฟันสัมผัสกันได้

อ่านต่อ >> เนื้อหาเพิ่มเติมพร้อมชมคลิป!     

 


ความเสี่ยงที่แบคทีเรียในช่องปากจะเข้าสู่กระแสเลือดถูกตอกย้ำจากงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเชื้อแบคทีเรีย porphy-romonas gingivalis ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปริทันต์ ปรากฏอยู่ในเส้นเลือดที่อุดตันรุนแรง

การศึกษาของศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียของสหรัฐอเมริกา ได้ระบุว่าแบคทีเรียในช่องปากของอาสาสมัครที่เป็นโรคหัวใจ ไปปรากฏอยู่ในหลอดเลือดหัวใจเช่นเดียวกัน แบคทีเรียนี้ยังเกี่ยวข้องกับการคลอดก่อนกำหนด และการที่ทารกมีน้ำหนักตัวแรกเกิดต่ำอีกด้วย

ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุก ๆ 3 เดือน ที่สำคัญไม่ควรใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น ขอคำแนะนำเรื่องการแปรงฟันจากทันตแพทย์ งดใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง เนื่องจากจะทำให้เหงือกเป็นแผล และกลายเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด และหาปลอกใส่แปรงสีฟันหากต้องเก็บไว้ในห้องน้ำ เป็นต้น

แล้วจากข่าวที่ว่า แค่เอาแปรงสีฟันไปลวกน้ำร้อน ก็สามารถฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในแปรงสีฟันได้แล้วจริง ๆ หรือ สำหรับเรื่องนี้ รองศาสตรจารย์ทันตแพทย์พรชัย จันศิษย์ยานนท์ ได้พูดถึงเรื่องนี้พร้อมไขข้อข้องใจต่าง ๆ ซึ่งสามารถสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้ค่ะ

อ่านต่อ >> ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไป

 

 

จริงหรือไม่? แค่ลวกแปรงสีฟัน ก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้แล้ว?

ข้อเท็จจริง: เป็นบทความที่คลาดเคลื่อน เพราะวิธีที่ถูกที่สุดคือ ข้อแรกควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก ๆ สามเดือน ข้อที่สอง หลังแปรงฟันเสร็จต้องปล่อยให้แปรงสีฟันแห้ง

แปรงสีฟันคือแหล่งของเชื้อโรค ซึ่งจะเข้าสู่กระแสเลือดของเราได้?

ข้อเท็จจริง: เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เชื้อโรคอยู่ในช่องปาก ถ้าเหงือกมีแผลโอกาสที่เชื้อโรคก็สามารถเข้าสู่ในกระแสเลือดนั้นก็มีได้ แต่อย่ากังวลมากเกินไป เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกันป้องกันเชื้อเหล่านั้นอยู่แล้ว

แล้วแปรงสีฟันคือแม่เหล็กดึงดูดเชื้อแบคทีเรียจริงหรือ?

ข้อเท็จจริง: ถ้าทิ้งไว้นาน ๆ เชื้อโรคก็ถูกสะสมเยอะขึ้น เพราะฉะนั้นปล่อยแปรงให้แห้ง

ถ้าแปรงสีฟันตกพื้นละ?

ข้อเท็จจริง: แค่ล้างน้ำแล้วปล่อยให้แห้งพอ

จำเป็นหรือไม่ที่เราต้องซื้อแปรงสีฟันใหม่ทุก 3 – 6 เดือน?

ข้อเท็จจริง: เป็นไปได้ถ้าหากขนแปรงนั้นเสื่อมสภาพ ยกตัวอย่างเช่น แปรงสีฟันบาน หรือแข็งจนเกินไป เป็นต้น

ชมคลิปบทสัมภาษณ์เพิ่มเติม คลิก!

มาถึงตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะได้รับทราบข้อเท็จจริงกันเพิ่มมากขึ้นแล้ว อย่างไร เมื่อครบกับหนดระยะเวลาการใช้ของแปรง ไม่อยากติดเชื้อแบคทีเรีย อย่าลืมทำตามที่คุณหมอบอกกันนะคะ

ขอบคุณที่มา: ข่าวค่ำสำนักข่าวไทย MCOT และ MGR Online

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids