ควันธูปอันตราย ลูกน้อยเสี่ยงมะเร็งถึง 63 เท่า

กระทรวงสาธารณสุข เตือน!! ควันธูปอันตราย และการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง เมื่อสูดดมเข้าไปสะสมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดสารมะเร็ง เพราะแค่จุดธูปเพียง 3 ดอกก็เท่ากับสูดควันรถในบริเวณที่มีการจราจรคับคั่งแล้ว จึงแนะนำให้ใช้ผ้าปิดจมูก และอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท

ควันธูปอันตราย

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ควันธูป และควันจากท่อไอเสียรถยนต์ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2555 พบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ 473.34 คนต่อประชากร 1,000 คน

การจุดธูป เผากระดาษเงิน กระดาษทอง อาจส่งผลต่อสุขภาพ เพราะธูปที่เผาไหม้จะปล่อยฝุ่นละอองและสารมลพิษออกมามากมาย สารที่เกิดขึ้นมาจากวัตถุดิบที่ใช้ผลิต กาว สี น้ำหอมเคมี เมื่อจุดธูปจะทำให้เกิดคาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหยง่าย รวมถึงสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ ยังมีโครเมียม ตะกั่ว และนิกเกิล

ขี้เถ้าที่เกิดจากการจุดธูปจะมีแมงกานีส และการกำจัดขี้เถ้าไม่ถูกต้อง เช่น ทิ้งลงน้ำ อาจปนเปื้อนในแหล่งน้ำ หรือดินได้ ถ้าดื่มน้ำ หรืออาหารที่ปนเปื้อนจะทำให้เกิดผลต่อสมอง งานวิจัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์พบว่า การจุดธูปเพียง 3 ดอก ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งเท่ากับการสูดควันรถที่อยู่ในบริเวณที่คับคั่งได้

อ่านต่อ “ควันธูปจุดไหว้ทุกวันเสี่ยงมะเร็ง 63 เท่า” คลิกหน้า 2

ควันธูปจุดไหว้ทุกวันเสี่ยงมะเร็ง 63 เท่า

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สมัยก่อนธูปจะผลิตจากไม้เนื้อหอม เช่น ไม้จันทน์ขาว จันทน์เทศ กำยาน ไม้กฤษณา กันเกรา หรือต้นบง หรือโกวบั๊วะ เป็นต้น เมื่อเผาแล้วจะไม่ระคายเคืองต่อตา และจมูก แต่ปัจจุบันมีราคาแพง จึงเปลี่ยนมาใช้ขี้เลื่อย ผสมกับกาวกั๊วะก่า และกลิ่นหอมที่สกัดจากพืช หรือสารเคมีต่างๆ ธูปมีหลายรูปแบบ ทั้งขนาด และความยาว

พิษจากควันธูปมีสารก่อมะเร็งที่สำคัญ 3 ชนิด ได้แก่

1.สารเบนโซเอไพรีน ก่อมะเร็งสูงที่สุด มีความสัมพันธ์กับมะเร็งปอด ผิวหนัง และกระเพาะปัสสาวะ

2.สารเบนซีน สัมพันธ์กับมะเร็งเม็ดเลือดขาว

3.สารบิวทาไดอีน สัมพันธ์กับมะเร็งระบบเลือด

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการวิจัยกว่า 12 ปีในชาวจีนที่อาศัยในสิงคโปร์ จำนวน 61,000 คน พบว่าผู้ที่ใช้ธูปทั้งวันทั้งคืน เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง 80% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ใช้เลย และจากสถิติในไทย พบว่ามีผู้หญิงป่วยเป็นมะเร็งปอดกว่า 50% ทั้งๆ ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่สูบบุหรี่ และไม่ได้รับสารก่อมะเร็งจากการทำงาน แพทย์คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากควันธูปอีกสาเหตุหนึ่ง

ควันธูปส่งผลต่อสุขภาพ ตั้งแต่ทำให้ระคายเคืองตา แสบตา ตาแห้ง น้ำตาไหล จมูกระคายเคือง แสบจมูก จาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก ถ้าคนที่เป็นโรคหอบหืด หรือหลอดลมอักเสบสูดดมเข้าไป จะทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบ ปวดศีรษะ ง่วงนอน และหมดสติถ้าสูดดมเป็นเวลานาน ทั้งนี้ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้

อ่านต่อ “ธูปไร้ควันก็เสี่ยงอันตราย” คลิกหน้า 3

ธูปไร้ควันก็เสี่ยงอันตราย

จากผลวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่าใช่แค่เพียงธูปที่มีควันเท่านั้นที่อันตราย แม้แต่ธูปไร้ควันที่คุณพ่อ คุณแม่คิดว่าปลอดภัย ก็อันตรายไม่แพ้กัน อีกทั้งยังทำให้เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดได้อีกด้วย ซึ่งสารก่อมะเร็งเกิดจากการเผาไหม้ของกาว และน้ำหอม

ในธูปไร้ควันนั้นมีสารก่อมะเร็งที่ชื่อสารเบนซินที่มีโอกาสทำให้มะเร็งมากกว่าธูปที่มีควัน รวมไปถึงละอองธูป หากปลิวเข้าสู่อาหาร และในน้ำ จะเกิดการปนเปื้อนของแมงกานิส เมื่อรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนเข้าไป จะส่งผลเสียต่อระบบการทำงานของสมอง อาจทำให้มีอาการตัวสั่น พูดช้า คล้ายโรคพากินสัน

นอกจากนี้ยังมีขี้เถ้าจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทองที่มีผลประทบทางเดินหายใจต่อคนเผาเอง และคนรอบข้าง ซึ่งหากกำจัดผิดวิธีจะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม อาจสะสมอยู่ในดินและน้ำ

คุณพ่อ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง หรือลดการจุดธูป และการเผากระดาษ ถ้าจำเป็นต้องเผา ควรเผาในที่โล่งแจ้ง ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเท ห่างไกลจากลูกน้อย และควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันควัน รวมถึงกำจัดขี้เถ้าจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทองให้ถูกวิธี และไม่ควรนำธูปมาปักบนอาหารที่จะรับประทานภายหลัง

ชมคลิปข่าวได้ที่นี่

ธูป ทำมาจากส่วนผสมของพืชหลายชนิด ซึ่งมีการเติมแต่งกลิ่นหอม แต่สิ่งนั้นกลับก่ออันตรายให้ระบบทางเดินหายใจ เพราะส่วนผสมที่หลากหลายนี้ ทำให้เกิดสารคาร์ซิโนเจน นั่นคือสารตั้งต้นที่ทำให้เป็นมะเร็ง ไม่ต่างอะไรกับส่วนประกอบในควันบุหรี่

จากการวิจัยของสิงคโปร์ ติดตามคนจีนในสิงคโปร์ 60,000 คน ถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต และความถี่ในการไหว้เจ้า เมื่อปี 2005 พบว่า มีคนเป็นมะเร็งในระบบทางเดินหายใจ 328 คน และมะเร็งปอด 821 คน ทำให้ได้ข้อสรุปว่า ยิ่งสูดดมควันธูปเป็นประจำ และยาวนาน จะยิ่งเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็ง

อ่านต่อ “การป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากควันธูป” คลิกหน้า 4

การป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากควันธูป

ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยคือ

• ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก หรือสวมหน้ากากอนามัย ขณะจุด หรือเผา
• ใช้ธูปสั้น และขนาดเล็ก ดีกว่าการใช้ธูปยาว และมีขนาดใหญ่
• ถ้าจุดภายในบ้านควรเปิดประตู หน้าต่าง ให้มีการระบายควันออกไปนอกบ้าน
• จุดในกระถางบรรจุทรายนอกบ้านในพื้นที่เปิดโล่ง และระมัดระวังไม่ให้เกิดไฟไหม้
• ไม่ควรจุดธูปแล้วปักลงบนอาหาร หรือใกล้กับอาหาร เพื่อป้องกันการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน
• เก็บกวาดขี้เถ้า เพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นจากขี้เถ้าเข้าสู่ร่างกาย
• สถานที่ที่มีการจุดธูปจำนวนมาก ไม่ควรให้เด็กเล็กอยู่ในบริเวณนั้น
• ล้างมือ ล้างหน้า หลังจากสัมผัส หรืออยู่ในบริเวณที่มีควันธูป

เด็ก คุณแม่ตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลงโป่งพอง จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก เพราะโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ซึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อับชื้น มีเชื้อรา ฝุ่นละออง สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้เด็กๆ เกิดอาการแพ้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส การสูดดมควัน ถ้าไม่สามารถเลี่ยงได้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือหน้ากากอนามัย ปิดปาก ปิดจมูก และหลีกเลี่ยงการนอนหลับในบริเวณที่มีการจุดธูป และหมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองที่มาจากควันธูปได้

เครดิต: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, ผู้จัดการออนไลน์, กรมอนามัย, ไทยพีบีเอส, Never age, สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

นักวิจัยเตือนแม่ท้องรับควันพิษมาก อาจส่งผลถึงอารมณ์ของลูก

ควันบุหรี่มือสาม ทำร้ายลูกได้ 20 เท่า!!

แอปพลิเคชั่นเลิกบุหรี่ “ไทยไร้ควัน”

Save

Save

Save

Save