ข่าวสุดสะเทือนใจ เมื่อคุณพ่อลูกอ่อน มีอาการตับวายโดยไม่ทราบสาเหตุ จนเสียชีวิต คาดว่าน่าจะมาจากการ ใช้หลอดดูดร่วมกับคนอื่น โดยคุณหมอวินิจฉัยว่า คุณพ่อติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ จากการดูดน้ำร่วมกับคนอื่น ซึ่งคุณพ่อ มีอาการโคม่า คุณหมอต้องให้เลือด 6 ถุงต่อวัน
ใช้หลอดดูดร่วมกับคนอื่น
คุณหมอคาดว่าต้นเหตุของอาการป่วยในครั้งนี้ เกิดจากการใช้แก้วน้ำดื่ม หลอด หรือช้อนร่วมกับคนอื่น ทำให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ ในที่สุดคุณพ่อก็เสียชีวิตลง
คุณแม่ กล่าวว่า “ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ ทำไมต้องแยกเราสองคน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้ พยายามทำตัวไม่ให้เครียด แต่ก็ยังคิดซ้ำ ๆ เขาไม่ได้หายไปไหน เขายังอยู่ในความทรงจำ อยากบอกเขาว่าไม่ต้องห่วงตนกับลูก ตนอยู่ได้ และจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ส่วนเงินบริจาคนั้น ปิดรับบริจาคนานแล้ว แต่ก็ยังมีพี่ ๆ ใจดี โทร. มาขอบริจาค แต่ทางเราไม่รับแล้ว”
Amarin Baby & Kids ขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของคุณพ่อด้วยนะคะ สำหรับการเสียชีวิตในครั้งนี้ คือการเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน ซึ่งต้องระมัดระวังให้มากๆ “โรคไวรัสตับอักเสบเอ” สามารถติดต่อกันได้ทางการรับประทานอาหาร และการดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อนี้ การรับประทานอาหารร่วมกับคนอื่นโดยไม่ใช้ช้อนกลาง หรือล้างมือไม่สะอาด ทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ในอาหาร และภาชนะ
คนที่ติดเชื้อจะมีอาการอักเสบของตับ ทำให้มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดท้อง ตัวเหลือง คลื่นไส้ อาเจียน และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ฉะนั้น ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยจะรับประทานอาหาร จึงควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ และสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารตามร้านอาหารริมทาง ควรเลือกร้านที่สังเกตดูแล้วมีความปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อย
เรามาทำความรู้จักกับไวรัสตับอักเสบกันค่ะ ว่ามีกี่ชนิด และมีความรุนแรงแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อคุณพ่อ คุณแม่และลูกน้อยจะได้ระมัดระวัง
ไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด?
จากข้อมูลของโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ไวรัสตับอักเสบนั้น มี 5 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ซึ่งสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเข้าไปในตับ ซึ่งไวรัสแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1.ไวรัสตับอักเสบเอ
เป็นเชื้อไวรัสที่มีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ซึ่งมีการบรรยายไว้ว่ามีการระบาด ทำให้เกิดดีซ่านทั้งเมือง ติดต่อกันได้ง่ายโดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค เมื่อเชื้อโรคผ่านกระเพาะไปยังลำไส้ เชื้อจะฝังอยู่ในลำไส้ แล้วกระจายไปสู่ตับ หลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเกิดอาการตับอักเสบเฉียบพลัน มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ดีซ่าน ซึ่งผู้ใหญ่จะมีอาการมากกว่าเด็ก ซึ่งมักจะเกิดตามแหล่งที่มีคนอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น เช่น บ้านเด็กอ่อน ค่ายทหาร หรือตามจังหวัดแนวตะเข็บชายแดน
ไวรัสตับอักเสบเอเป็นไวรัสที่เป็นเฉียบพลัน ถ้าหายแล้วจะหายขาด ซึ่งคนที่มีภูมิคุ้มกันนี้แล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก ในปัจจุบันพบน้อยลงเพราะมีวัคซีนป้องกันแล้ว
ไวรัสตัวนี้เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านใน AEC เพราะคนไทย 3% มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่ในร่างกาย เพราะการติดเชื้อมักเกิดจากการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ซึ่งเมื่อ 20 ปีก่อนยังไม่มีวัคซีนป้องกันเด็กแรกเกิด คุณแม่ที่เป็นพาหะ ทำให้ลูกติดเชื้อระหว่างคลอด มักทำให้เกิดการแฝงตัว เป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง และเกิดผลระยะยาวคือ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะตับแข็ง และเป็นมะเร็งตับได้ในระยะยาว ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ในปัจจุบันมีแนวในการรักษาได้ในบางระยะ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว ในประเทศทางตะวันออก จะแตกต่างกับทางตะวันตก การติดเชื้อมักเกิดในวัยผู้ใหญ่ อาการของโรคมักจะเป็นตับอักเสบเฉียบพลัน และสามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายให้หายขาดได้
เป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งการติดเชื้อเกิดจากการได้รับเลือด หรือใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น การสัก การใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด ในประเทศไทยมีความเสี่ยงประมาณ 1% มักไม่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ แต่จะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในตับ เมื่อนานๆ เข้า จะเกิดพังผืดสะสม จนกลายเป็นตับแข็งในที่สุด ซึ่งปัจจุบันสามารถรักษาให้หายขาดได้
4.ไวรัสตับอักเสบดี
เป็นไวรัสที่แฝงมากับไวรัสตับอักเสบบี พบในประเทศทางยุโรปมากกว่าในประเทศไทย เป็นไวรัสที่ไม่สมบูรณ์ในตัวเอง ต้องอาศัยไวรัสตับอับเสบบีในการแบ่งตัว ซึ่งจะทำให้ตับอักเสบซ้ำซ้อน จึงต้องรักษาร่วมกัน
5.ไวรัสตับอักเสบอี
เป็นไวรัสชนิดใหม่ที่ตรวจพบมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน ตัวเหลือง ตาเหลือง บางคนอาจเหลืองนานเป็นสัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน พบได้ในสัตว์ เช่น หมู กวาง และสัตว์อื่นๆ ซึ่งเกิดในคนที่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “ไวรัสตับอักเสบ ชนิดไหนน่ากลัวที่สุด?” คลิกหน้า 2
ไวรัสตับอักเสบ ชนิดไหนน่ากลัวที่สุด?
โรคไวรัสตับอักเสบบี เป็นโรคที่ทุกคนในครอบครัวต้องรู้ เพราะผู้ที่ติดเชื้อนานเกิน 6 เดือน จะกลายเป็นโรคตับอักเสบบีเรื้อรัง ใน 90% ของทารก จะทำให้เกิดความเสียหายของตับ ส่งผลให้ตับวาย และอาจทำให้เป็นโรคมะเร็งตับได้เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
โรคไวรัสตับอักเสบบี พบได้ในของเหลวของคนที่ติดเชื้อ เช่น เลือด น้ำอสุจิ และของเหลวในช่องคลอด เมื่อของเหลวเข้าสู่ร่างกายของคนอื่นแล้ว แม้จะมีปริมาณน้อยมาก หรือมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ก็สามารถแพร่เชื้อได้ และยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ความเสี่ยงก็สูงมากขึ้นเท่านั้น
จากข้อมูลของ WHO 2001 พบว่า ประชากรกว่า 350 ล้านคนทั่วโลก เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิต 1 ล้านคน ซึ่งการติดเชื้อที่พบมากที่สุดคือการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกขณะคลอด
การป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ
คุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อยสามารถป้องกันความเสี่ยงของโรคไวรัสตับอักเสบทั้ง 5 ชนิดได้ ดังนี้
1.เลือกใช้ภาชนะที่สะอาดในการรับประทานอาหาร เช่น จาน ชาม ช้อน ส้อม ควรล้างให้สะอาด
2.ไม่รับประทานอาหารโดยใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น เช่น ควรใช้ช้อนกลาง ไม่ใช้แก้วน้ำ หรือหลอดดูดร่วมกัน
3.ล้างมือทุกครั้ง ก่อน และหลังรับประทานอาหาร และเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ
4.สอนลูกน้อยให้รู้จักการล้างมือที่ถูกต้อง เพราะเด็กๆ มักจะซุกซน จับโน่น จับนี่ แล้วเอาเข้าปากอยู่เสมอ
5.ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรค เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะลูกน้อยควรรับประทานนมแม่เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
6.ไม่ใช้ของร่วมกัน เช่น แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด เข็มฉีดยา การสัก หรือไม่ใช้ของมีคมที่ไม่สะอาด
7.ไม่รับประทานอาหารที่สุกๆ ดิบๆ เพราะอาจมีเชื้อโรค หรือเชื้อไวรัสปนเปื้อนมาในอาหารได้
8.ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่น การออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
- การติดเชื้อ เอนเทอโรไวรัส 71 โรคระบาดสายพันธุ์รุนแรง
- เสียหลานชายวัย 1 ขวบ เพราะโรคไวรัสโรต้า
- เด็กท้องเสีย อาเจียน เพราะโนโรไวรัสระบาด
เครดิต: กระปุกดอทคอม, Drama-addict, โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน, MHAHS
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save