ไม้แขวนเสื้อ ทำลูกเกือบตาย พ่อแชร์! เพราะต้องการเตือนเป็นอุทาหรณ์กับพ่อแม่ที่มีลูกเล็กทุกคน
ถึงแม้ไม้แขวนเสื้อจะมีประโยชน์ แต่ใครจะรู้ละว่า บางครั้งมันก็แฝงไปด้วยอันตรายได้เช่นกัน เช่นเดียวกับเรื่องราวที่ทีมงาน Amarin Baby and Kids นำเสนอในวันนี้ สามารถเป็นอุทาหรณ์เตือนใจคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่มีลูกเล็กเด็กแดงได้เป็นอย่างดี และนี่คือโพสต์ของคุณพ่อที่ได้โพสต์ไว้ค่ะ
“เตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ๆ วัยกำลังซนนะครับ แค่เสี้ยวนาทีเท่านั้น ผมไปทำงานและแฟนผมอยู่บ้านคนเดียว เรื่องเกิดจากแฟนปวดท้องหนัก ต้องเข้าห้องน้ำ พอแฟนออกจากห้องน้ำมาเห็นลูกคอติดอยู่กับไม้แขวนเสื้อที่เกี่ยวอยู่กับประตูบ้าน สภาพลูกตอนนั้นหน้าเขียวตาเหลือกไปหมด แฟนผมเห็นแล้วร้องไห้ตัวสั่นหมดเลยครับ ดีนะครับที่ครั้งนี้แฟนผมยังช่วยลูกไว้ได้ทัน ถ้าออกมาช้ากว่านี้ลูกคงไม่อยู่กับเราแล้ว”
อ่านต่อเรื่องราวของคุณพ่อได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>
จากการสอบถาม คุณพ่อเล่าว่า ตนและภรรยานั้นมีลูกสาวที่กำลังอยู่ในวัยกำลังซน 2 คนนั่นคือ น้องเบลล่า วัย 2 ปี 9 เดือน และน้องบลู วัย 1 ปี 7 เดือน ตนเองนั้นต้องออกไปทำงานทุกวัน พอส่งสินค้าเสร็จก็จะรีบกลับบ้านมาช่วยภรรยาดูแลลูก ๆ น้องเบลล่า นั้นเป็นเด็กร่าเริงอยู่ในวัยกำลังเรียนรู้ ช่างจดจำ ช่างพูด และชอบทำตามตนเองและภรรยา ไม่ว่าคุณแม่จะตากผ้า ก็จะชอบหยิบไม้แขวนเสื้อมาใส่กางเกงให้ กวาดบ้าน ถูบ้าน ก็จะทำตามเสมอ ๆ
ในวันเกิดเหตุนั้น ภรรยาตนเกิดปวดท้องอย่างหนักต้องเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเข้าไปได้ไม่ถึง 2 นาที ก็ได้ยินเสียงคล้ายกับมีวัตถุบางอย่างกระแทกประตูไม้อย่างแรง จึงได้รีบออกมาดู ก็เห็นคอของน้องเบลล่าแขวนอยู่กับไม้แขวนเสื้อ ปลายเท้าสูงจากพื้นเล็กน้อย ส่วนตะกร้าใส่ของล้มตะแคงอยู่
โชคดีที่ออกมาช่วยลูกได้ทันเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะกลับเข้ามาบ้านเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมง พอตนกลับมาก็รีบพาลูกไปหาหมอ โดยเมื่อคุณหมอบอกว่าลูกปลอดภัย ตนก็รู้สึกโล่งใจ พอกลับมาบ้านก็ช่วยกันเก็บสิ่งของทุกอย่างทุกซอกทุกมุม ที่คาดว่าเด็กอาจจะไปหยิบมาเล่นแล้วเกิดอันตรายได้ แม้แต่สิ่งที่เราคาดไม่ถึงอย่างเช่นไม้แขวนเสื้อให้พ้นจากมือของลูกทั้ง 2 คน
ขณะที่ คุณแม่กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม้แขวนเสื้ออันนี้ คาดว่าลูกสาวน่าจะไปหยิบมาจากตรงที่เก็บของในห้อง จากนั้นก็คงจะลากตะกร้าผ้ามาตรงประตูแล้วปีนขึ้นไปยืนเพื่อพยายามจะเอาไม้แขวนเสื้อไปแขวนบนราวตากผ้า แต่แขวนไม่ถึง ประกอบกับการเขย่งทำให้ตะกร้าล้มลง ไม้แขวนเสื้อจึงไปเกี่ยวกับที่จับประตู แล้วคอของน้องเบลล่าก็เข้าไปช่องของไม้แขวนเสื้อพอดี ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็นับเป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อแม่ได้เป็นอย่างดีว่า เหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ ฉะนั้นเราควรระวังไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าพลาดแล้วอาจจะเสียลูกไปได้
อ่านต่อ 5 จุดอันตรายในบ้านที่พ่อแม่ควรระวัง >>
เครดิต: คุณพ่อธนพล
5 จุดอันตรายในบ้านที่พ่อแม่ควรระวัง
- เตียงเด็ก ซึ่งถือเป็นจุดอันตรายในบ้านสำหรับเด็กเล็ก ที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง บ่อยครั้งที่เราจะได้ยินเรื่องราวการสูญเสียชีวิตในเด็ก อันสืบเนื่องมาจากเตียงไม่ว่าจะเป็นการตกจากเตียง ศรีษะติด หรือแม้แต่ขาดอากาศหายใจ ดังนั้น ควรเช็กเตียงของลูกให้ดีนะคะว่า บนเบาะที่นอนต้องไม่มีเครื่องนอนมากเกินไป และไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตกเกินกว่าด้านละ 3 เซนติเมตร
- ปลั๊กไฟ ถือเป็นจุดอันตรายในบ้านสำหรับเด็กมาก เพราะเด็กในวัยกำลังหัดเดินชอบที่จะเอื้อมคว้าสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตารีด กาต้มน้ำร้อน เป็นต้น ฉะนั้นไม่ควรเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้เด็ดขาด เพราะเด็กสามารถได้รับอันตรายจากความร้อนของเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ได้ ควรเก็บสายไฟของกาน้ำร้อน เก็บเตารีดให้เรียบร้อยเมื่อใช้เสร็จแล้วทุกครั้งนะคะ
- บันไดบ้าน เพราะเด็กวัย 6-12 เดือน จะเริ่มมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ดีขึ้น ดังนั้น อาจจะมีเผลอคืบคลาน เกาะเดิน ปีนป่าย หรือวิ่งขึ้นลงบันไดเองที่ได้ดี คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะต้องมั่นใจว่า ราวบันไดนั้น มีประตูปิดล็อก หรือจะต้องมั่นใจว่า ลูกของเรานั้น อยู่ในสายตาของเราตลอดเวลาจริง ๆ
- สระว่ายน้ำ บ่อน้ำ หรือถังน้ำในห้องน้ำ อีกหนึ่งจุดอันตรายที่เราได้ยินข่าวคราวเช่นกัน ดังนั้น หากรู้ว่าบ้านของเรามีจุดล่อแหลมตามที่กล่าวมานั้น อย่าลืมหาวิธีป้องกันในเบื้องต้นไว้ด้วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ล็อกประตูห้องน้ำทุกครั้งหลังใช้เสร็จ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกเข้าไปเล่นในห้องน้ำ หรือแม้แต่เวลาอาบน้ำ อย่าปล่อยให้ลูกเล็กเล่นน้ำในอ่างหรือกะละมังลำพังโดยเด็ดขาด เป็นต้น
- ห้องครัว เวลาที่เราทำครัว เราอาจจะมีพลั้งเผลอวางมีดหรือของมีคมเอาไว้ โดยลูกกำลังมองดูพวกเราอยู่ พวกเขาอาจจะนึกอยากทำตามในสิ่งที่พ่อแม่ทำก็เป็นได้ โดยหารู้ไม่ว่า มีด หรืออุปการณ์ทำครัวนั้น อันตรายมากเพียงใด
ด้วยความเป็นเด็ก และอยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้ ลูกอาจจะพลั้งเผลอทำในสิ่งที่เราไม่คิดไม่ฝันขึ้น ที่สำคัญ อย่าลืมนะคะว่าลูกของเรานั้น เร็วและไวกว่าที่พวกเราคิดเยอะ ดังนั้น เพียงเสี้ยววินาทีเดียว หากเราไม่จับตาดูลูกหลานไว้ให้ดี ก็อาจทำให้เราเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้นะคะ
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่