AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เมื่อลูกสอนแล้วไม่จำ พ่อจึง ลงโทษลูก ด้วยวิธีนี้แทน!

เมื่อสอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ คุณพ่อท่านนี้ จึงเลือกที่จะ ลงโทษลูก ด้วยวิธีนี้แทน!

 

 

เมื่อเร็ว ๆ นี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยได้เห็นคลิป ๆ นึงซึ่งเป็นคลิปของครอบครัวหนึ่ง ที่คุณพ่อโกรธลูกชายของตน ที่เอามือถือไปโรงเรียน และแอบอ้างว่าคุณครูอนุญาตให้เล่นได้ จนสุดท้ายคุณครูได้โทรมาแจ้งให้ทราบว่า ลูกชายของคุณพ่อเอาแต่เล่นมือถือในเวลาเรียน

ครั้งเมื่อคุณพ่อทราบเรื่อง ก็ได้ไต่ถามลูกของตัวเอง แต่ลูกชายก็ไม่ยังไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ จึงตัดสินใจลงโทษตัวเอง ที่สอนลูกไม่ดี และเลือกที่จะให้ลูกตีตัวเองแทนมากกว่าที่จะตีลูก และลูกชายของคุณพ่อจะทำตามที่คุณพ่อท่านนี้พูดหรือไม่ ไปชมเหตุการณ์ดังกล่าวนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

 

 

ชมคลิป >>

https://www.facebook.com/thaicctvthailand/videos/1483887211660026/

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เราทราบถึงวัตถุประสงค์ของคุณพ่อ ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการใช้วิธีให้ลูกจดจำ พร้อมทั้งสำนึก เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากตนเองนั้น เลี้ยงลูกได้ไม่ดี ถือเป็นความผิด และควรได้รับโทษ ตามสุภาษิตจีนที่ว่า เลี้ยงลูกแล้วไม่สอน เป็นความผิดของพ่อ … คุณพ่อจึงตัดสินใจทำแบบนี้พร้อมกับกล่าวต่ออีกว่า หากครั้งหน้ายังเกิดความผิดซ้ำขึ้นอีก จะไม่รับผิดแทนลูกชายของตนอีกแล้ว แต่จะลงโทษลูกชายด้วยการตีให้มากกว่าที่ตัวเองต้องมารับผิดแทนในครั้งนี้เลยทีเดียว

และสำหรับประเทศไทยเรานั้น เรามักจะได้ยินคำสอนโบราณว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” นั้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะเข้าใจว่า อยากให้ลูกได้ดี รักลูกก็ต้องตีลูกบ้างนั้น ในความเป็นจริงของที่มาของสำนวนดังกล่าว คนโบราณพยายามที่จะอธิบายว่า การเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงนั้นจะต้องสร้างความห่วงใยกับสัตว์ที่เราเอามาเลี้ยง ผูก ในบริบทดังกล่าวคือการสร้างความผูกพัน การเอาใจใส่ด้วยความรัก นั่นแหละจึงมีความหมายตรงกับรักวัวให้ผูก

ส่วนคำว่ารักลูกให้ตี หมายความว่า การเลี้ยงดูลูกจะต้องตีกรอบหรือสร้างกรอบที่ดีให้ลูก เพื่อเขาจะได้อยู่ในกรอบของสังคม คือ มีวินัย มีศีลธรรม จรรยาที่ดี มิใช่หมายถึงการเฆี่ยนตีอย่างโหดร้ายทารุณ

ดังนั้นคำว่าตี คนโบราณจึงหมายถึง การดูแลขัดเกลานิสัยของลูกให้อยู่ในกรอบของครรลองคลองธรรม จะได้เติบโตมาเป็นคนดี เพราะลูกย่อมเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ นั่นเองค่ะ

อ่านต่อ>> ผลกระทบของการลงโทษลูกด้วยการใช้กำลัง


เครดิต: Thai CCTV และ MThai

 

เครดิตภาพ : Shutterstock

ผลกระทบของการ ลงโทษลูก ด้วยการใช้ความรุนแรง

“ลิซ่า เบอร์ลิน” นักวิจัยจากศูนย์จัดตั้งนโยบายเพื่อเด็กและครอบครัว ในมหาวิทยาลัยดุ๊ก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการอธิบายว่า การที่พ่อแม่ตีลูกไม่ว่าจะตีเบาหรือแรง และบ่อยครั้งแค่ไหน จากการสำรวจและวิจัยข้อมูลต่าง ๆ พบว่า มันก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ขณะที่การว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้มีส่วนทำให้เด็กเป็นคนก้าวร้าวเหมือนการถูกตีแต่อย่างใด

ลิซ่า ได้ทำการสำรวจจากเด็กจำนวนกว่า 2,500 คน โดยเลือกเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย และล้วนแล้วแต่เคยถูกพ่อแม่ตีมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งผลออกมาว่า เด็ก ๆ มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตและพฤติกรรมพอสมควร อนึ่งนักจิตวิทยาหลายฝ่ายได้เห็นพ้องต้องกันว่า การทำโทษลูกนั้น ควรดูเวลาและสถานที่ด้วย

เธอกล่าวว่า “ทั้งเด็กเล็กและเด็กโตที่ได้พูดคุยด้วย ฉันคิดว่าปัญหาสำคัญคือความรู้สึกนึกคิดของพวกเขานะ เพราะเด็ก ๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด พวกเขาไม่รู้และไม่เข้าใจเรื่องการถูกทำโทษ ว่าทำไมพ่อแม่ต้องลงมือกับพวกเขาด้วย โดยเฉพาะการตี ซึ่งในขณะที่พ่อแม่อาจจะทำไปเพราะรัก แต่เชื่อเถอะว่าลูก ๆ ของพวกคุณไม่เข้าใจพวกคุณหรอก เพราะเขายังเด็กเกินไปที่จะรับฟังเหตุผล”

อย่างไรก็ดี เบอร์ลิน และทีมงานพบว่า เด็ก ๆ ที่ถูกตีตั้งแต่ขวบปีแรก จะเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเขาอายุครบ 2 ขวบ และอาจจะมีผลกระทบกับกระบวนการทางความคิดในช่วง 3 ขวบขึ้นไป

คุณพ่อคุณแม่คำ การลงโทษลูกด้วยการใช้พละกำลังนั้น อาจไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องเสมอไป วิธีการแก้ปัญหาที่แท้จริงและจะสำเร็จได้ด้วยดีนั้น เราควรแก้ปัญหาจากการใช้ความเข้าใจ ความรัก และเหตุผลเป็นหลัก มากกว่าการเลือกที่จะระบายอารมณ์ของเราออกไป เพราะนั่นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเลย หนำซ้ำ ยังเป็นการสร้างรอยแผลในใจให้กับลูกอีกด้วย

เครดิต: ซีเอ็นเอ็น นิวส์

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids