AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เรื่องจริง! พ่อ ลดน้ำหนัก 30 กก. “เพื่อลูก” หลังภรรยาจากไป

“เพื่อลูก” คุณพ่อท่านนี้สามารถ ลดน้ำหนัก ได้สำเร็จ เรื่องจริงของการสูญเสียสู่แรงบันดาลใจสำหรับใครหลาย ๆ คน

 

 

จากคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องของสุขภาพ มีความสุขกับการรับประทานในสิ่งที่ตัวเองอยากทาน สู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมกับความสูญเสีย กับอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเติบโต

พบกับเรื่องราวการลดน้ำหนักของคุณพ่อ ที่บรรจงถ่ายทอดผ่านเพจดังอย่าง Pantip เพื่อเป็นการไว้อาลัยสู่การครบรอบการจากไปของภรรยาที่ต้องจบชีวิตลงเพราะ โรคมะเร็ง ที่ไม่มีใครคาดคิดว่า มันจะเกิดขึ้นกับเธอ … ไปอ่านเรื่องราวของคุณพ่อท่านนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

===== 1st Chapter =====
วันนี้ผมขออนุญาตเล่าเหตุการณ์ในชีวิตของผมในช่วงปี 2559 – 2560 นะครับ
ผมคิดว่ามันน่าเป็นกำลังใจหรือแรงบันดาลใจ ให้กับคนที่ต้องผ่านเรื่องราวคล้าย ๆ ผม
ได้ก้าวข้ามผ่านพ้นมันไป

เมื่อปี 2559 ผมอายุ 36 ปี มีภรรยาอายุ 31 ปี มีลูกสาว 1 คน อายุ 3 ขวบ
ผมก็เหมือนคนอ้วนทั่วๆไป ที่ชอบทานอาหารเป็นชีวิตจิตใจ มี Buffet ห้างไหน มีผมและภรรยาที่นั่น
ผมคิดเสมอว่าความสุขของคนเรามันมีไม่กี่อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “เรื่องกิน”
เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนผมไม่อิ่ม ผมถือว่าผมใช้ชีวิตไม่คุ้ม ถ้าเราจะต้องจ่าย 499
เราจะต้องกินให้เกินเพื่อให้เราไม่รู้สึกว่าขาดทุน นั่นทำให้ผมกินจนเกินอิ่มแทบทุกมื้อ

ผมชอบอาหารหวานๆทอดๆมันๆเป็นพิเศษ หนังเป็ดปักกิ่ง หมูหัน ชีสเค้ก ถ้าชื่อเมนูดูดี
ขับรถออกจากบ้าน 200 กิโล ผมยังยอมเพื่อจะไปลิ้มลองให้ได้ ผมบอกตรงๆ
ผมก็มีความสุขดี ไม่ได้มีปัญหากับความอ้วน ก็ผมแต่งงานแล้วนี่นา ถ้าภรรยาเราไม่ว่า
เราจะไปสนใจหุ่นตัวเองทำไม จริงมั้ย ???

อ่านต่อเรื่องราวของคุณพ่อ ได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

 

คำบรรยาย : ปะป๊าอ้วนกับคอหมูย่าง 3 ชิ้นและอาหารทะเล ทั้งหมดคนเดียวไม่แบ่งใคร !!!

ผมมีความสุขกับการกินมาก ช่วงกลางปี 2559 ผมสามารถทำน้ำหนักทะลุ 100 กิโล
จนลูกสาวตัวน้อยของผมให้ฉายาผมว่า “ปะป๊าอ้วน”

ก่อนหน้านี้ผมเคยพยายามลดความอ้วนมาหลายครั้ง สาเหตุเพราะเวลาไปตรวจสุขภาพ
ผลตรวจจะแจ้งว่าผมเป็น “ไขมันพอกตับ” หรือ “Fatty Liver” แทบทุกปี ช่วงหลังๆผมจะมีอาการ
แขนซ้ายชา พอไปเข้าเครื่อง MRI ก็พบว่าเป็น “หมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อม” แถมเข้ามาอีก
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผมอ้วน ผมรู้ตัวดี

แต่เชื่อไหมครับ ผมยังคิดว่าผม “ไม่เป็นไร” ผมยังมีความสุขดี และผม “ยังไม่ได้ตายซักหน่อย”
ความคิดแบบนี้ทำให้ผมไม่เคยลดความอ้วนสำเร็จเลยซักครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา

คำบรรยาย : ภรรยาผมชอบถ่ายรูปเวลาไปเที่ยว เธอบอกว่าเธอขาสวย ผมก็เห็นด้วยกับเธอ

===== 2nd Chapter =====
กล่าวถึงภรรยาของผมซักนิด เธอเป็นคนรูปร่างดีมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอไม่ทานเหล้า
ไม่สูบบุหรี่ รวมเวลาที่เราคบกัน แต่งงานกันก็ราว ๆ 10 กว่าปีได้ ผมกับเธอตัวติดกันเป็นตังเม
มีเธอที่ไหน มีผมที่นั่น จะว่าไปแล้วเราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง อาจจะเป็นเพราะผมอ้วน
เธอก็คงจะเบาใจเรื่องกุ๊กกิ๊กไปได้ อีกอย่างผมก็สนใจแต่เรื่องกิน เรื่องท่องเที่ยว เรื่องทำงาน
ชีวิตผมก็มีอยู่แค่นี้ เลยไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาทะเลาะกัน หรืออาจจะเป็นเพราะชอบอะไรเหมือนๆกัน
ด้วยละมั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะผมไม่ใช่ผุ้ชายมักง่าย ทั้งชีวิตผมมีแฟนแค่ 2 คนเอง
คนแรก 4 ปี คนนี้ 10 กว่าปี ถ้าผมไม่อ้วน ผมว่าผมหล่อนะ แต่พอดีผมไม่ชอบปวดหัวเรื่องผู้หญิง
พูดไปก็เหมือนอวยตัวเอง ไม่พูดดีกว่า

กลับมาที่ภรรยาผม เธอชอบทานอาหารหวาน ๆ มัน ๆ เหมือนผม แต่เธอทานไม่ค่อยเยอะ
ผมจะต้องคอยทานส่วนที่เหลือแทบทุกครั้งด้วยความเสียดาย แม้กระทั่งเราแต่งงานและมีลูกด้วยกัน
ผมก็ยังต้องทานของเหลือของภรรยาและลูกอยู่เหมือนเดิม

ผู้หญิงที่ไม่ทานเหล้า ไม่สูบบุหรี่ อาชีพแม่บ้านเลี้ยงลูก ไม่อ้วน น้ำหนักตามเกณฑ์
ชีวิตก็แฮปปี้ดี ไม่มีเรื่องเครียด ไม่ต้องตื่นเช้ามืด งานบ้านก็จ้างแม่บ้าน เพื่อนก็มี
ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด แต่จะมีใครหนีโรคภัยไข้เจ็บพ้น จนกลางปี 2559 ภรรยาผมตรวจพบ

“มะเร็งปอด”

คนทั่วๆไปสงสัยว่าทำไมถึงเป็น หมอยังไม่รู้ แล้วใครจะรู้ ฟังมาร้อยคน ก็เดาร้อยแบบ
ผมก็ถามตัวเองอยู่หลายครั้ง บางคนบอกเป็นเพราะอย่างนู้น อีกคนบอกเป็นเพราะอย่างนี้
ผมถามตัวเองอยู่นาน ผมไม่เคยได้คำตอบที่ผมพอใจ จนวันที่ผมเลิกตั้งคำถาม
ผมจึงพบคำตอบที่แท้จริง

“สิ่งใดในโลกล้วนอนิจจัง” ในที่สุดภรรยาผมก็จากไปหลังจากที่ตรวจพบได้ 4 เดือน

อ่านต่อเรื่องราวของคุณพ่อ ได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

 

 

===== 3rd Chapter =====

ผมไม่เคยคิดว่าชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้ในวัย 36 ปี ผมรักภรรยาของผมมาก
ขนาดเราแต่งงานกันมานาน เรายังโทรหากันทุกวันตอนผมขับรถไปทำงาน
ผมอยากได้ยินเสียงเธอ ผมอยากถามไถ่ถึงลูกน้อยว่าอยู่บ้านเป็นไงบ้าง

เราวางแผนอนาคตกันตลอดเวลา เราคุยกันบ่อยมากว่าตอนแก่ลูกเรา
จะเรียนอะไร ทำงานอะไร แล้วสองตายายจะไปใช้ชีวิตตอนแก่ที่ไหน
รวมถึงคำถามที่ผมเชื่อว่าหลายๆคู่ก็คงถามกัน คือ ใครจะตายก่อนกัน

พอถามถึงคำถามนี้ที่ไร ผมมันจะต้องพาลคิดตลอดว่าคนๆนั้นจะต้องเป็นผมแน่ๆ
เพราะผมทั้งอ้วนทั้งโรคเยอะและก็ถอดใจไปกับการลดความอ้วนรอบที่ร้อย
มันทำให้ผมต้องวางแผนอนาคตอย่างรัดกุม

ผมเก็บเงินผ่อนบ้านจนหมด ผมเก็บเงินไว้ให้ลูกเรียน ผมเก็บเงินเตรียมเกษียณ
ผมมีแผนจะไปปลูกบ้านพักที่ต่างจังหวัด ผมมีความฝันว่าจะเดินทางไปในหลายๆประเทศ
ชีวิตวัยกลางคนของเราทั้งคู่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง แต่ตอนนี้สิ่งที่คุยไว้มันหายไปทั้งหมด
คนที่ผมเคยคุยด้วยทุกวันหายไปแล้ว ผมจะคุยเรื่องหนัก ๆ กับใครดี เด็ก 3 ขวบเหรอ ???

คำบรรยาย : ห้องที่ภรรยาผมเคยนอนพักในช่วงที่ป่วยกับเครื่องผลิตออกซิเจนความสูญเสียในครั้งนี้ทำให้จิตวิญญาณของผมหายไป ผมเหงา ผมว้าเหว่ ผมเจ็บปวด
ผมทรมาน ผมไม่อยากคุยกับใคร ผมอยู่แต่ในห้อง ผมไม่ออกไปไหน ผมไม่มีแรง
ผมไม่กินข้าว ผมกับลูกกินแต่นมกับขนม ผมไม่อยากกิน ผมไม่หิว ผมคิดอะไรไม่ออก
ผมร้องไห้ ผมซึมเศร้าและผมไม่อยากมีชีวิตอยู่

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผมนึกถึงแต่ “ตัวเอง” ผมไม่ยอมนึกถึงคนรอบ ๆ ตัว

===== 4th Chapter =====

ผมหมกตัวอยู่ในห้องร่วมสองเดือน ลูกผมป่วยบ่อยเพราะไม่ได้ออกไปข้างนอก อุดอู้อยู่แต่ในห้อง
ผมรับรู้ถึงความเหงาของลูก ทำให้ผมย้อนกลับมามองตัวเอง ผมกำลังทำร้ายตัวเองและลูก
ลูกผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้

ภรรยาผมก็คงไม่อยากให้เป็นแบบนี้

ถ้าขืนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ผมจะไม่เหลืออะไรอีก ที่ผมกำลังทำอยู่มันแก้ไขอะไรไม่ได้
ผมมัวแต่คิดถึงแต่สิ่งที่ผมไม่มี จนละเลยสิ่งที่ยังมีไปเสียหมด ผมเริ่มมีสติ ผมเริ่มมีปัญญา
ก่อนจะดูแลลูก ผมต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน ผมเริ่มสำรวจตัวเองในกระจก น้ำหนักผมลดลงไปมาก
ผมทรุดโทรมมากทั้งร่ายกายและจิตใจ

“แต่ผมจะกลับมาสู้ใหม่”

คำบรรยาย : ห้องที่ภรรยาผมเคยนอนพักในช่วงที่ป่วยกับเครื่องผลิตออกซิเจน

ผมเริ่มต้นด้วยการค้นหาข้อมูลจาก google ผมเริ่มขับรถออกจากบ้านไปจ่ายตลาด ปกติหน้าที่นี้
ภรรยาผมจะทำ ผมเลือกวัตถุดิบแบบโง่ ๆ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อไก่ ข้าวกล้อง
ผมไม่มีอารมณ์กิน ผมจึงไม่ซื้อเครื่องปรุง ผมคิดแต่ว่า การกินครั้งนี้ ผมจะกินเพื่อให้อยู่รอด

ผมเริ่มทำอาหารกินเองโดยไม่ปรุง ผมไม่มีความรู้สึกว่าผมต้องมากินอะไรอร่อย ๆ ผมคิดแต่เพียงว่า
ถ้าไม่กิน ร่างกายจะขาดสารอาหาร ลูกผมจะไม่โต ไม่มีแรงสู้ต่อ ทำให้อาหารที่ผมทำ
ผมไม่จุดเตาแก๊สเลยซักมื้อ วิธีประกอบอาหารที่ผมใช้มีเพียง 2 แบบคือ

นึ่งและเวฟ  (หม้อนึ่งและไมโครเวฟ)

ผมหัดต้มโจ๊กให้ลูก ผมเริ่มนึ่งปลา ผมเริ่มเวฟเนื้อกิน ที่จริงแล้วผมเกลียดการทำอาหาร
ผมชอบกินแต่ผมไม่ชอบทำ ผมทำไม่เป็น แม้มันจะไม่อร่อยแต่ผมต้องกิน

ผมเริ่มยกเวทเพราะผมอยากมีแรง ผมเริ่มจากบาร์เปล่า ๆ แรก ๆ ผมหมดแรง ผมล้าไปทั้งแขน
ผมเริ่มเดินบนลู่ ผมปวดขา ผมเหนื่อยหอบ ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างบนนี้ ผมทำทุกวัน
ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ เพราะในหัวผมคิดอยู่อย่างเดียว …

“ผมอยากอยู่กับลูกนาน ๆ”

อ่านต่อเรื่องราวของคุณพ่อ ได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

 

คำบรรยาย : จากเดิมหน้ามันตลอดเวลา หน้าผมเรียวลง ไขมันใต้คางก็ไม่เหลือ

===== 5th Chapter =====

การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ ผมไม่ต้องการตัวช่วย
ผมเริ่มด้วยการเดินเบา ๆ บนลู่วิ่ง จนผมเริ่มวิ่งได้ ฝนตกผมก็วิ่งตากฝน วันไหนงานเลิกดึก
ผมก็วิ่งมันทั้งดึก ๆ วันไหนผมงานยุ่ง ผมกลับบ้าน ผมก็นอนเร็วเพื่อตื่นตีสี่มาวิ่ง
ผมปฏิเสธข้ออ้างเก่า ๆ ที่ผมเคยมีทิ้งไปทั้งหมด ผมทำมันทุกวันและผมไม่หยุด
ผมสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายหลังจากผ่านไป 8 เดือน

คำบรรยาย : ผมเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังเมื่อ FEB 2017 จนถึง OCT 2017 เสื้อและกางเกงต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เข็มขัดก็ต้องไปตัดสั้น

ผมแข็งแรงขึ้นมาก ผมวิ่งได้เร็วและนานกว่าตอนหนุ่ม ๆ ด้วยซ้ำ แขนผมก็มีแรงมากขึ้น
ตอนขึ้นบันไดผมไม่หอบอีกต่อไป ผมสามารถวิ่งตามลูกตอนที่ลูกขี่จักรยานที่สวนส่วนกลางได้สบาย
ผมไม่ซึมเศร้าเพราะผมมีเป้าหมาย ผมไม่ท้อแท้เพราะผมมีลูกเป็นกำลังใจ

แขนซ้ายผมที่เคยชา อาการนั้นหายไป ระดับน้ำตาลในเลือดผมลดลง
ไขมันที่เคยพอกตับก็ลดน้อยลงมาก ผมวิ่งได้เร็วขึ้นและนานขึ้น ผมมีความสุขขึ้น
ลูกผมอ้วนและมีความสุขขึ้นเช่นกัน

“ชีวิตผมและลูกดีขึ้น”

===== The End =====

ผมไม่ทราบว่าอนาคตผมกับลูกจะเป็นอย่างไรและก็คงไม่มีใครบอกได้
ผมเริ่มชีวิตใหม่ด้วยการสร้างสุขภาพกายที่ดี ผมเชื่อว่าสภาพจิตใจของผมกับลูกจะต้องดีขึ้นด้วย
เป้าหมายต่อไปของผมคือรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีที่สุด ผมไม่ได้ต้องการหุ่นนายแบบ
ผมไม่ได้ต้องการซิกแพ็ค แต่ทุกเปอร์เซ็นไขมันในร่างกายที่มากเกินไปคือความเสี่ยงของโรค
ผมไม่อยากเป็นโรค ผมไม่อยากป่วย ผมไม่อยากตายเร็ว ๆ

จริงอยู่ที่ว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดไม่ได้การันตีว่าผมจะอยู่ได้จนแก่ แต่ผมทำอะไรได้ดีกว่านี้บ้าง ???
ผมจะไม่เอาตัวไปเสี่ยงกับโรคคนอ้วน ผมจะตัดความเสี่ยงทุกชนิดออกให้มากที่สุด
แม้จะไม่มีใครรู้ว่าเราจะตายวันไหน ตายเพราะเหตุใด แต่ในทุกๆวันที่ผมทำ ผมรู้สึกมีความสุข
ผมจะอยู่อย่างมีความสุข ตอนนี้ความสุขของผมไม่ใช่เรื่องกิน ผมอยากเห็นลูกโตและอยู่รอด

ผมอยากจะขอให้ทุกท่านที่พบเจอเรื่องร้ายๆผ่านเข้ามาในชีวิตให้นึกถึงคนรอบข้างให้มาก ๆ
อย่านึกถึงแต่ตัวเองแบบผม มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยถ้าเราคอยทำร้ายตัวเอง คนเราเศร้าได้
ท้อได้เพราะเราเป็นมนุษย์ เราไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่ถ้าเราถอยชีวิตนานๆ สิ่งดีๆที่รออยู่
ก็จะไม่เข้ามาหาเราซักที

วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่ภรรยาผมจากไป ผมเขียนกระทู้นี้เพื่อเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจ
ให้กับเพื่อนร่วมโลกทุกท่านที่ต้องพบเจอกับการสูญเสียได้ก้าวผ่านมันไปให้ได้ จากวันนี้เป็นต้นไป
ผมอาจจะเศร้าบ้าง ผมอาจจะคิดถึงบ้าง ผมอาจจะร้องไห้บ้าง แต่ผมจะเข้มแข็งและลุกขึ้นยืนใหม่

“ผมไม่มีทางลืมอดีต แต่ผมจะไม่จมไปกับมัน”

ด้วยรักและอาลัย


คู่ชาตินี้         มีบุญ          มาหนุนนำ
แต่เจ้ากรรม    หมุนเวียน    ให้เปลี่ยนผัน
อันคำมั่น        ภพนี้          ที่สั่งกัน
ไม่มีวัน          แปรไป        ให้สัญญา …

สวัสดีชีวิตใหม่
Aiya Aiyara

ทีมงาน Amarin Baby and Kids เชื่อมั่นว่า ประสบการณ์ของคุณพ่อนั้น จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดีเลยละค่ะ ขอขอบคุณและร่วมเป็นกำลังใจให้คุณพ่อมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ

อ่านต่อเรื่องควรรู้สู่การลดน้ำหนักที่ได้ผล >>


เครดิต: Pantip และ Aiya Aiyara

 

 

อยากลดน้ำหนักให้ได้ผล ต้องระวังสิ่งเหล่านี้!

อยากลดน้ำหนักอย่างได้ผล นอกจากต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควบคุมการทานอาหารอย่างเหมาะสมแล้ว ก็มีบางอย่างที่ต้องระวังเหมือนกัน มีเรื่องอะไรที่ควรระวังบ้าง ไปดูกันค่ะ

เครดิต: Kapook

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids