AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

แม่เป้ย เล่าวินาที บีบหัวใจ! น้องโปรด เข้าผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ เผย..กลัวเสียลูก

ช่างบีบคั้นหัวใจคนเป็นแม่สุดๆ เมื่อแม่เป้ย เผยถึงวินาทีที่ น้องโปรดผ่าตัด เนื่องจากอาการป่วย ต่อมอะดีนอยด์โต จนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอยู่หลายครั้งในก่อนหน้านี้

แม่เป้ย เล่าวินาทีบีบคั้นหัวใจ น้องโปรด ผ่าตัด ต่อมอะดีนอยด์

เรียกได้ว่าอาการหนักจนต้องเข้ารับการผ่าตัดกันเลยทีเดียวสำหรับ น้องโปรด อัษศดิณย์ ลูกชายสุดที่รักของ แม่เป้ย ปานวาด ซึ่งก่อนหน้านี้ แม่เป้ย ได้เคยอัปเดตกันมาแล้วถึงอาการป่วยของ น้องโปรด ว่าเป็นต่อมอะดีนอยด์โต และมีอาการนอนกรนทำให้หายใจไม่สะดวกและอาจมีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ แต่ก็ได้รักษาตามอาการเพราะโรคนี้มีโอกาสหายขาดเมื่อโตขึ้น

แต่ล่าสุดดูเหมือนอาการของ น้องโปรด จะเป็นหนักขึ้นทำให้ แม่เป้ย ต้องตัดสินใจให้ น้องโปรด ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งเจ้าตัวได้โพสต์ภาพและข้อความเล่าถึงวินาทีบีบหัวใจตอนที่ น้องโปรด เข้าห้องผ่าตัด พร้อมกับอัปเดตอาการของลูกชายผ่าน IG ที่ทำเอาบรรดาแม่ ๆ อ่านแล้วต้องน้ำตาซึมไปตามๆ กัน โดยระบุแคปชั่นว่า

“มันก็จะยาวๆหน่อยน้าาาแต่อยากให้อ่านทุกๆรูป…อยากขอบคุณทุกๆคนจากใจจริงๆ ขอบคุณสำหรับข้อความทุกข้อความที่ส่งผ่านมาทุกๆช่องทาง ขอบคุณมากๆนะคะ #จากใจผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่พยายามเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด #มีหลายรูปเลื่อนดูนะคะ #งดฝากร้านนะคะ”

อ่านต่อ >> “เป้ย เล่าถึงวินาที น้องโปรด เข้าห้องผ่าตัด”คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ซึ่งคุณแม่เป้ย ก็ได้เล่าถึงอาการป่วยของลูกชาย ความรู้สึกของคนเป็นแม่ รวมถึงขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ที่อ่านแล้วหลายคนอาจน้ำตาซึม.. ผ่านเฟซซบุ๊ก โปรด อัษศดิณย์ บุญยรัตกลิน  ดังนี้

โปรดออกจากโรงพยาบาลกลับมารักษาตัวที่บ้านเรียบร้อยแล้วนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่เป็นห่วงน้องถามไถ่ถึงอาการน้องกันเข้ามา น้องผ่าตัดต่อมอดีนอย์และทอนซิลค่ะ ช่วงแรกๆเป้ยและคุณป๊อปก็ไม่ได้คิดว่าจะผ่า เพราะได้ปรึกษาคุณหมอหลายท่านแล้วก็จะบอกว่าหายได้เองตอนโต เราก็เลยรักษาตามอาการเอา แต่โปรดเริ่มป่วยบ่อยขึ้น ถี่ติดกันจนภายใน 1 เดือนโปรดป่วยบ่อยถึง 4 ครั้ง เป้ยก็เริ่มศึกษาหาข้อมูล และก็ปรึกษาคุณหมอควบคู่

โดยปรกติต่อมอดีนอยด์และทอมซิลจะทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรค แต่ถ้าเด็กที่มีโอกาสติดเชื้อบ่อย เป็นหวัด หรือเป็นภูมิแพ้ต่างๆ ก็จะทำให้ 2 ต่อมนี้โต จากที่เป็นต่อมดักจับเชื้อโรคก็จะกลายเป็นต่อมที่เก็บเชื้อโรคแทน ต่อมยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งขวางทางเดินหายใจ หายใจเสียงดัง นอนกรน หยุดหายใจขณะนอนหลับ เมื่อร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยก็จะทำให้ส่งผลถึงการทำงานของสมอง ส่วนในแง่ของร่างกาย หัวใจก็จะทำงานหนักขึ้น ทำให้มีอาการหัวใจวายเหมือนในกรณีเพื่อนของเพื่อนเป้ย เป้ยกับคุณป๊อปจึงได้ปรึกษาคุณหมอที่สนิทกันว่าอยากให้แนะนำคุณหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านการผ่าตัดทางด้านนี้

ในวันที่เป้ยพาโปรดไปพบคุณหมอ และฟังผลเอ็กซเรย์ ในวันนั้นเป้ยยอมรับว่าเป็นวันที่เป้ยรู้สึกแย่มากๆ คุณหมอแจ้งผลเอ็กซเรย์ว่าตอนนี้ต่อมทอมซิลของโปรดโตและโปรดมีช่องทางเดินหายใจเพียง 17% เท่านั้นจาก 100 % ซึ่งโดยปรกติทั่วไปถ้า 40% คุณหมอก็จะแนะนำให้ผ่าอยู่แล้ว ซึ่ง 17 นี่คือไม่ต้องพูดถึงเลย ใจของคนเป็นแม่ที่ได้ยินตอนนั้นบีบหัวใจเหลือเกิน

เพราะไม่เคยคิดว่าลูกจะเป็นเยอะขนาดนี้ ป๊อปก็ได้แต่จับไหล่ คุยตลกเพื่อให้เป้ยไม่คิดมากแต่เป้ยก็ทำไม่ได้เป้ยพยายามกลั้นน้ำตาตลอดเวลาที่อยู่กับโปรด มันเจ็บหัวใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่โปรดกำลังเป็นคุณหมอหรือใคร ๆ ก็พยายามบอกว่า ใครๆก็เป็น ใครๆก็ผ่า แต่สำหรับเป้ยหลังจากที่รู้เป้ยไม่เคยนอนหลับเต็มที่ซักคืนเลย ทุก ๆ คืนเป้ยจะต้องตื่นขึ้นมาวันละหลายๆรอบเพื่อที่จะดูว่าลูกเรายังหายใจดีอยู่มั้ย คอยจับเค้านอนตะแคงเพื่อให้เค้าหายใจได้สะดวกที่สุด เป้ยกอดเค้า หอมเค้าเป้ย บอกในใจตลอดเวลาว่าให้แม่เป็นแทนได้มั้ย ยอมรับว่ากลัวไปหมดทุก ๆ อย่าง กลัวว่าเค้าจะเป็นอะไร เป้ยยอมรับตรงๆว่าเป้ยกลัวที่จะเสียเค้าไป

จนมาถึงวันที่โปรดต้องเข้าห้องผ่าตัด 6 โมงเช้าพยาบาลนำยานอนหลับให้โปรดทานเพื่อที่โปรดจะได้สะลึมสะลือแต่ปรากฏว่าโปรดไม่หลับ และไม่มีวี่แววว่าจะง่วง คอยถามโน้นถามนี่ด้วยความสงสัยตลอดระหว่างทางที่พาไปห้องผ่าตัด จนเข้าห้องโปรดสงสัยว่าทำไมมีหมอเยอะจัง ทำไมมาห้องแบบนี้ ทำไมมีเตียงนอน ทำไมมีไฟใหญ่ๆอยู่ข้างบน โปรดเริ่มกังวล จากที่ติดแม่อยู่แล้ว โปรดยิ่งกังวลมากขึ้น จับแขนเป้ยแน่นขึ้น ไม่ยอมให้คุณหมอดมยา จนต้องเป็นเป้ยที่ช่วยจับตัวหน้ากาก และมีคุณหมอคอยดูประกบอยู่ข้างๆ โปรดนอนบนแขนข้างซ้ายของเป้ยและมือข้างขวาเป้ยต้องจับหน้ากากเพื่อที่จะดมยาให้โปรดหลับ วินาทีนั้นเหมือนใจจะขาดเป็นเสี่ยงๆ โปรดค่อยๆหลับไป มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทั้งกลัวและทั้งเจ็บปวดที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ เป้ยได้แต่บอกคุณหมอว่าฝากโปรดด้วยนะคะ ช่วยโปรดด้วยนะคะ ตลอดเวลา 2 ชม.ที่ลูกอยู่ในห้องผ่าตัด

ช่างเป็นเวลาที่โหดร้ายสำหรับเป้ยและป๊อปมากๆ เป้ยได้แต่กอดตุ๊กตาของโปรด จากตุ๊กตาอะไรก็ไม่รู้ที่เป้ยไม่เคยชอบมันเลย แต่โปรดเค้ารักของเค้ามาก เอาติดตัวไปทุกๆที่ เป้ยมีแค่ตุ๊กตาตัวนี้ที่เป็นตัวแทนโปรด เป้ยได้แต่กอดและหอมมันตลอดเวลา ภาวนาขอให้ทุกๆอย่างผ่านไปด้วยดี…ทุกวันนี้โปรดดีขึ้น ไม่เจ็บแผล ทานได้ดีขึ้น ร่าเริง แต่ยังคงต้องจับมือแม่ให้แม่อยู่ข้างๆเค้าเวลานอนทุกๆคืน

ขอบคุณทุกๆข้อความสำหรับคำอวยพร ให้กำลังใจ ที่รักโปรดและเอ็นดูโปรดขอบคุณคุณหมอทุกๆท่านที่ทั้งให้คำปรึกษาและช่วยรักษาโปรด ดูแลโปรด

ขอบคุณทุกๆคนที่อยู่รอบข้างในช่วงนั้น ขอบคุณมากๆค่ะ

อย่างไรก็ดี ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids  ก็ขอให้น้องโปรดหายเจ็บป่วยในเร็ววัน และได้กลับบ้านไปวิ่งเล่นเหมือนเดิมนะคะ

อ่านต่อ >> “ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคต่อมอะดีนอยด์โต”
และ
การผ่าตัดต่อมอดีนอยด์ในเด็ก..ที่พ่อแม่ควรรู้!! คลิกหน้า 3

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : FB โปรด อัษศดิณย์ บุญยรัตกลิน , IG : @ppanward

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคต่อมอะดีนอยด์โต

1.เด็กจะรู้สึกง่วง หรืออ่อนเพลียในช่วงเวลากลางวัน จากการนอนหลับไม่เต็มที่ ทำให้ผลการเรียนตกต่ำลง

  1. มีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง สมาธิสั้น
  2. มีการหลั่งของฮอร์โมนที่จำเป็นในการเจริญเติบโตลดน้อยลง เนื่องจากฮอร์โมนดังกล่าวจะหลั่งในขณะที่เด็กมีการนอนหลับสนิท
  3. มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูกใบหน้า ทำให้รูปใบหน้ารีเป็นรูปไข่ จากการโก่งตัวสูงขึ้นของกระดูกเพดานปาก และมีการยื่นออกของฟันหน้าจนผิดรูป ซึ่งเกิดจากการที่เด็กหายใจทางปาก

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ การขาดออกซิเจนในช่วงของการนอนตอนกลางคืนทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตในปอดสูง เป็นต้น

การรักษาโรคต่อมอะดีนอยด์โต

การผ่าตัดต่อมอดีนอยด์ออก จะทำเมื่อมีข้อบ่งชี้ในเรื่องของการติดเชื้อเรื้อรัง หรือเป็นๆหายๆ เช่น ไซนัสอักเสบ (ทำให้มีไข้, คัดจมูก, น้ำมูกไหล, ไอ)หรือ หูชั้นกลางอักเสบ (ทำให้มีไข้, ปวดหู, หูอื้อ, มีน้ำขังในหูชั้นกลาง หรือหนองไหลจากหูชั้นกลาง)  จนรบกวนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย (ต้องหยุดเรียนบ่อย) หรือมีการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดอาการนอนกรน และ/ หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งล้มเหลวจากการใช้ยา หรือมีภาวะแทรกซ้อนของการอุดกั้นทางเดินหายใจต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย

ต่อมอดีนอยด์ที่โตขึ้นจากการอักเสบบ่อยๆ นั้น เนื้อเยื่อของต่อมที่ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันจะถูกแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อพังผืด (fibrosis) ซึ่งเกิดตามหลังการอักเสบ จึงทำให้ต่อมทำหน้าที่ได้น้อยลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันร่างกายยังมีต่อมน้ำเหลืองอีกจำนวนมากในบริเวณศีรษะและคอ ที่ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค ดังนั้นการตัดต่อมอดีนอยด์ในผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ จึงไม่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำแต่ประการใด การผ่าตัดต่อมทอนซิล และ ต่อมอดีนอยด์สามารถทำพร้อมกันได้ในการผ่าตัดครั้งเดียว หรือทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่าที่มีข้อบ่งชี้

การผ่าตัดต่อมอดีนอยด์เป็นการผ่าตัดผ่านทางช่องปากเช่นเดียวกับการผ่าตัดต่อมทอนซิล  แพทย์จะใส่เครื่องมือทางช่องปากผ่านด้านหลังลิ้นไก่เข้าไปหาโพรงหลังจมูก  ผู้ป่วยจึงไม่มีบาดแผลใดๆ ที่มองเห็นได้จากภายนอก

ก่อนผ่าตัด  การผ่าตัดต่อมแอดีนอยด์ต้องใช้การดมยาสลบ วิสัญญีแพทย์และพยาบาลจะมาให้ความรู้และดูแลความสมบูรณ์ของร่างกายผู้ป่วยก่อนผ่าตัด เช่นการตรวจเลือด   ตรวจปัสสาวะ ถ่ายภาพเอ๊กซเรย์ปอด   ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ผู้ป่วยจะต้องเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาล 1 วันก่อนผ่าตัด เพื่อวิสัญญีแพทย์จะได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดมยาสลบในวันรุ่งขึ้นที่จะผ่าตัด คืนวันก่อนผ่าตัด แพทย์จะให้งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน หรือก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักอาหารและน้ำลงปอดเวลาดมยาสลบ

ในกรณีของผู้ป่วยเด็ก การงดอาหารและน้ำเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องดูแลให้เป็นไปตามคำสั่งของแพทย์โดยเคร่งครัด  ไม่แอบให้อาหาร น้ำหรือนม  เพราะกลัวเด็กหิว เพราะอาจเกิดการสำลักระหว่างดมยาสลบซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้    หากผู้ปกครองทราบว่าเด็กไม่ได้งดอาหารและน้ำตามที่แพทย์สั่งในเช้าวันผ่าตัดต้องรีบแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบ เพื่อเลื่อนวันผ่าตัดออกไปก่อน

นอกจากนี้ การผ่าตัดต่อมแอดีนอยด์ ควรทำเมื่อผู้ป่วยมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่เป็นหวัดหรือมีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน พักผ่อนเพียงพอ ผู้ป่วยบางรายที่รับประทานยาบางชนิด เช่น aspirin หรือ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจต้องหยุดยาดังกล่าวก่อนผ่าตัด

การดมยาสลบ  มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เสียงแหบจากสายเสียงบวม  หายใจลำบาก อาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจ (endotracheal tube) ไว้ระยะหนึ่งหลังผ่าตัดเสร็จ  ปอดอักเสบจากการสูดสำลัก

หลังผ่าตัด        

  1. ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัด24-48 ชั่วโมง หากรับประทานน้ำ และอาหาร ได้เพียงพอ และไม่มีภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยใช้เวลาพักฟื้นทั้งหมดประมาณ 7-10 วัน    ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดต่อมอดีนอยด์เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้ผ่าตัดต่อมทอนซิลจะไม่มีแผลในช่องคอ  จะมีแผลที่โพรงหลังจมูกเท่านั้น  จึงสามารถรับประทานอาหารได้ปกติหลังผ่าตัด    อาจมีอาการเจ็บโพรงหลังจมูกเนื่องจากแผลผ่าตัด  อาจมีน้ำลายหรือน้ำมูกปนเลือดออกมาได้บ้างเล็กน้อย   อาจมีอาการเจ็บคอได้บ้างจากการใส่ท่อช่วยหายใจระหว่างการดมยาสลบ
  2. ผู้ป่วยอาจจะมีไข้ หรือมีอาการบวม หรือรู้สึกติดๆ ขัดๆ ตึงๆ คล้ายมีสิ่งแปลกปลอมบริเวณหลังโพรงจมูก หรือมีเสียงเปลี่ยนได้ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะหายไปภายใน1 สัปดาห์
  3. หลังการผ่าตัด1-2 วันแรก เพดานอ่อน หรือโพรงหลังจมูกอาจบวมมากขึ้นได้ ทำให้หายใจอึดอัด ไม่สะดวก อาจทำให้หายใจเสียงดังหรือมีอาการกรนมากขึ้นได้ดังนั้นจึงควรนอนศีรษะสูง โดยใช้หมอนหนุน หรือนอนบนที่นอนที่สามารถปรับความเอียงได้  อมและประคบน้ำแข็งบ่อยๆ ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อลดอาการบวมและเลือดออกบริเวณที่ทำผ่าตัด ถ้าอาการหายใจไม่สะดวก เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นรุนแรง หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว  ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ทันที
  4. ผู้ป่วยจะได้รับยาแก้อักเสบยาแก้ปวดยาลดบวม  ยาแก้แพ้  ยากลั้วคอ ผู้ป่วยควรจะรับประทานยาดังกล่าวให้หมด ไม่ว่าอาการจะดีขึ้นหรือไม่ก็ตาม ยาหยอดหรือพ่นจมูกเพื่อห้ามเลือด  ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล เมื่อจำเป็นได้  และจะมีสายให้น้ำเกลือติดอยู่ที่แขน  เมื่อผู้ป่วยรับประทานได้ดีพอควร แพทย์จะเอาสายให้น้ำเกลือออก
  5. ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกหรือจามแรงๆการออกแรงมากการเล่นกีฬาที่หักโหม หรือยกของหนัก หลังผ่าตัดภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้มีเลือดออกจากแผลที่โพรงหลังจมูก  ถ้ามีเลือดออกจากช่องจมูกหรือปาก ควรนอนพัก  ยกศีรษะสูง  อมน้ำแข็งในปาก  หยอดยาหยอดจมูกห้ามเลือดที่แพทย์สั่งไว้ให้ 3-4 หยด ในโพรงจมูกแต่ละข้าง  นำน้ำแข็งหรือ cold pack มาประคบบริเวณหน้าผากหรือคอ  เพื่อให้เลือดหยุด  การประคบหรืออมน้ำแข็ง ควรประคบหรืออมประมาณ 10 นาที แล้วจึงเอาออกประมาณ 10 นาที แล้วค่อยประคบหรืออมใหม่เป็นเวลา 10 นาที  ทำเช่นนี้สลับกันไปเรื่อยๆ  ถ้าเลือดออกไม่หยุดหรือออกมากผิดปกติ ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ทันที
  6. โดยปกติ หลังผ่าตัดประมาณ4 สัปดาห์แผลจะหายเป็นปกติ

ทั้งนี้โดยทั่วไป การผ่าตัดต่อมอดีนอยด์ เป็นการผ่าตัดที่ทำบ่อยในเด็ก ซึ่งเด็กมักกลับบ้านได้ภายใน 1-2 วันหลังผ่าตัด ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งความร่วมมือระหว่างพ่อแม่กับคุณหมอและพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดมักทำให้การผ่าตัดรักษาได้ผลดี ส่วนเรื่องการนัดตรวจหลังออกจากโรงพยาบาล คุณหมอจะนัดมาดูอาการ และฟังผลชิ้นเนื้อ (ถ้ามีการส่งตรวจ) ประมาณ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด และหลังจากนั้น 2-4 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลการรักษา

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงดีๆ จาก : www.si.mahidol.ac.th