AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

อุทาหรณ์! เด็กสาวผูกคอตัวเองเสียชีวิต ชนวนเหตุน้อยใจคิดว่า… “แม่รักลูกไม่เท่ากัน”

เครดิตภาพจาก : www.thairath.co.th และ www.khaosod.co.th

รักลูกไม่เท่ากัน …อีกหนึ่งปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกลัวว่าลูกๆ จะคิดแบบนั้น เพราะถ้าลูกคนใดคนนึงเกิดคิดว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ก็อาจทำให้ลูกน้อยใจ จนบานปลายถึงขั้นคิดสั้นได้

เช่นเดียวกับเรื่องน่าเศร้าสลดนี้ ที่เด็กสาววัยรุ่น ผูกคอตัวเองจนเสียชีวิต ซึ่งมีปมชนวนเหตุมาจากการน้อยใจที่แม่ชอบดุด่าว่าแต่ตนเอง ไม่ค่อยว่าน้อง จนคิดว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน

เด็กสาวผูกคอตัวเองเสียชีวิต!!! ชนวนเหตุเพราะ น้อยใจคิดว่า แม่ รักลูกไม่เท่ากัน

ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อผู้เป็นแม่กลับมาจากทำงานเวลาประมาณ 22.00 น. และเปิดประตูห้องเข้าห้อง พร้อมเปิดไฟก็พบลูกสาวนอนเสียชีวิตในสภาพนอน บริเวณลำคอถูกรัดด้วยเข็มขัดนักเรียนสีดำ โดยปลายเข็มขัดขาดออกจากกันและตกอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าซึ่งห่างจากศพเพียงเล็กน้อย

เครดิตภาพจาก : www.khaosod.co.th

และภายในห้องไม่มีร่องรอยของการรื้อค้นหรือต่อสู้ จึงคาดว่าเด็กสาวอาจจะใช้เข็มขัดรัดคอและผูกติดกับที่จับสำหรับเปิดตู้เสื้อผ้าจนเสียชีวิต เข็มขัดเริ่มรับน้ำหนักไม่ไหวจึงขาดและทำให้ศพตกลงมา เพราะพบปลายเข็มขัดที่ขาดออกมาอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้า สาเหตุคาดว่ามาจากผู้ตายเป็นคนค่อนข้างอารมณ์รุนแรง ประกอบกับมีปัญหากับแฟนหนุ่มและน้อยใจแม่ เนื่องจากเคยถูกแม่ดุด่าเรื่องที่เล่นแต่โทรศัพท์

โดยผู้เป็นแม่ได้ เล่าเรื่องทั้งน้ำตาว่า ลูกสาววัย 17 ปีที่เสียชีวิตไปนี้เป็นลูกคนแรกกับสามีเก่าที่เลิกรากันไปตั้งแต่น้องพลอยเกิด ตนเลี้ยงดูลูกสาวคนนี้มาตลอด ก่อนจะมีลูกอีก 2 คน กับสามีใหม่ ภาพรวมลูกทั้ง 3 คน ก็รักใคร่กันดีและดูแลอย่างเท่าเทียมกัน และเมื่อ 3 เดือนก่อนได้เลิกรากับสามีไปจึงได้นำลูกคนเล็กมาเลี้ยงดู ส่วนอีกคนฝ่ายสามีรับเลี้ยง ปัจจุบันตนเลี้ยงลูก 2 คน บางครั้งความคิดของเด็กอาจจะมองว่าให้ความรักไม่เท่าเทียมกันตามประสาเด็ก ในเรื่องของการอบรมสั่งสอน เนื่องจากบุคลิกหรือนิสัยแตกต่างกันออกไป โดยน้องพลอยเป็นคนคิดมาก ชอบเก็บกดและไม่ค่อยพูด

“เคยมีครั้งหนึ่งขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน เห็นแขนถูกมีดกรีด เมื่อสอบถามน้องพลอยกลับพูดว่าไม่เห็นเป็นอะไร แค่เอามีดมากรีด จึงได้อบรมสั่งสอนว่าไม่มีคนปกติที่ไหนเขาทำกัน อย่าทำอีกนะมันไม่ดี ใครผิดใครถูกว่าตามนั้น ไม่เคยลำเอียงการให้ความรักกับลูก”

อ่านต่อ >> คุณแม่เด็กสาวผูกคอตัวเองเสียชีวิตเล่าถึงชนวนเหตุที่ทำให้ลูกคิดสั้น” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

คุณแม่ยังเผยอีกว่า เรื่องแฟนนั้นตนพยายามห้ามปรามไม่ให้เกินเลย หรือเกินความเหมาะสมของวัยเด็ก ส่วนเรื่องไม่ให้ลูกเล่นโทรศัพท์นั้น อยากชี้แจงว่าตนไม่ได้บังคับไม่ให้เล่นโทรศัพท์ แต่บังคับการเล่นของเฟซบุ๊กและโปรแกรมแชทต่างๆ เช่น เฟซบุ๊กที่ตนทราบเพราะน้องพลอยเคยล็อกอินผ่านโทรศัพท์ของตน จึงรู้ความเคลื่อนไหวในการโพสต์ข้อความ จึงได้ตักเตือนอยู่บ่อยครั้งเรื่องการโพสต์เรื่องที่ไม่ดี หรือสิ่งล่อแหลมที่อาจจะก่อภัยอันตรายได้

จึงคิดว่าเป็นชนวนให้ลูกสาวเกิดความไม่พอใจที่ถูกตักเตือนมากกว่าน้องคนเล็ก เพียงอยากให้มีขอบเขตที่ปลอดภัย กลัวจะถูกลวงไปที่อื่น เพราะเคยมีข่าวคราวอยู่บ่อยครั้ง น่าจะเป็นสาเหตุให้น้องคิดสั้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตามทางทีมงาน ก็ขอแสดงความเสียใจกับคุณแม่มา ณ ที่นี้ด้วย ทั้งนี้ในเรื่องของชนวนเหตุที่ผู้เป็นแม่อาจกล่าวมานั้น เชื่อว่ามีคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่มีพี่น้องย่อมต้องเคยรู้สึกน้อยใจ ว่าทำไมตัวเองไม่ใช่ลูกคนโปรดกันบ้าง

♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦

ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีผลวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่า พ่อแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน อาจส่งผลให้ลูกมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจในวัยเด็ก จนกลายเป็นอาการซึมเศร้า และส่งผลไปถึงตอนโตเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนได้

เมื่อหนูไม่ใช่ลูกคนโปรดของพ่อแม่!!

โดยเรื่องนี้ พญ.สินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์ ด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม โรงพยาบาลเวชธานี ได้กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้พ่อแม่แสดงออกว่ารักลูกไม่เท่ากันนั้น มาจากรูปร่างหน้าตา บุคลิก และลักษณะนิสัยของลูก ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่บางคนเข้าใจ และระมัดระวังไม่แสดงออกให้ลูกเห็น แต่สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่แสดงออก ทำให้ลูกเข้าใจว่ารักลูกไม่เท่ากัน ส่งผลต่อสุขภาพใจ และการแสดงออกทางพฤติกรรมของลูก

รักลูกไม่เท่ากันเด็กที่รู้สึกว่า พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน จะมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาสูง ทั้งพฤติกรรมต่อพี่น้อง และความสัมพันธ์ต่อพ่อแม่ เมื่อโตขึ้นอาจมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับคนอื่นด้วย เช่น ไม่ไว้วางใจ มองโลกในแง่ร้าย ถ้ามีพื้นฐานหรือประวัติซึมเศร้าอยู่แล้ว ก็อาจจะมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าสูง

นอกจากนี้ ลูกคนโปรด หรือลูกรักก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน เพราะได้รับการตามใจ เอาใจในทุกเรื่อง อยากได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้ เด็กก็อาจจะมีแนวโน้มเอาแต่ใจตัวเองสูง เพราะเขารู้ว่าตัวเองเป็นลูกรัก

ไม่ใช่กับทุกครอบครัวที่มีกรณีแบบนี้ ครอบครัวที่มีลูกวัยเข้าโรงเรียน และลูกเล็กที่ยังเป็นทารก คุณพ่อ คุณแม่อาจละเลยพี่คนโต เพราะต้องหันมาเอาใจใส่ลูกคนเล็กที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ จนบางครั้งอาจลืมมองถึงลูกคนโต ว่าเขาจะมีพัฒนาการอย่างไรต่อไป ไม่ใช่ความรักที่มีพ่อแม่มีให้ไม่เท่ากัน แต่เป็นความห่วงใยที่มีให้ลูกไม่เท่ากันต่างหาก เพราะลูกคนโตอาจเอาตัวรอดได้มากกว่าลูกคนเล็กนั่นเอง

ความรัก ความลำเอียง และความเป็นกลาง

นักวิจัยอเมริกันจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่า 70% ของพ่อแม่มักมี “ลูกรัก” ที่รักมากกว่าลูกคนอื่นๆ นักวิชาการเชื่อว่าพ่อแม่มีความรัก 2 มาตรฐาน เช่นเดียวกับนักวิชาการอังกฤษจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ที่พบว่าพ่อแม่จะรักลูกคนโตมากกว่าคนเล็ก ลูกคนแรกจะได้รับการเอาใจใส่มากกว่า ได้รับการเลี้ยงดูดีกว่า ได้รับของขวัญที่มีค่ากว่า ส่งผลให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีไอคิวสูง เนื่องจากได้รับการเอาใจใส่

งานวิจัยนี้ยังยืนยันว่า ตามธรรมชาตินั้น พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ทุกคนมี 2 มาตรฐาน แต่เป็นเรื่องยากที่พ่อแม่จะกล้ายอมรับ ว่ารักลูกไม่เท่ากัน แต่การแสดงออกจะเป็นสิ่งที่ “ลูกชัง” รู้สึกถึงความลำเอียงนั้นได้ไม่ยาก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ตามมาในอนาคต ทั้งต่อตัวลูก พ่อแม่ และสังคม

“ลูกรัก” ของพ่อ และแม่ อาจไม่ใช่คนเดียวกันเสมอไป บางครั้งพ่ออาจจะรักลูกคนโตมากกว่า ส่วนแม่อาจจะเอนเอียงไปทางลูกคนเล็ก บางครั้งอาจเป็นลูกสาว หรือลูกชายที่เป็น “ลูกรัก” ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างประกอบ เช่น ลูกคนไหนเหมือนพ่อแม่มากกว่ากัน ลูกคนไหนเข้าใจพ่อแม่ได้ดีกว่า ลูกคนไหนประสบความสำเร็จ เจริญรอยตาม หรือชดเชยในสิ่งที่พ่อแม่ทำไม่สำเร็จ ใครเข้มแข็งหรืออ่อนแอกว่ากัน ใครได้ดังใจ หรือทำให้พ่อแม่ปลื้มมากกว่ากัน เป็นต้น

อ่านต่อ >> “3 วิธีรับมือ เมื่อลูกคิดว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

รักลูกไม่เท่ากันกล้ายอมรับหรือไม่? ว่ารักลูกไม่เท่ากัน

“พี่น้องต้องรักกัน” เป็นประโยคที่พ่อแม่ทุกบ้านคอยปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมรับว่า สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกทะเลาะกัน มาจากพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ไม่มีใครกล้าขุดคุ้ยให้เกิดรอยร้าวในครอบครัว ทั้งที่รู้กันอยู่แก่ใจว่า นั่นคือก้นบึ้งในจิตใจของพ่อแม่

นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน เจฟฟรีย์ คลูเกอร์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส และนักเขียนอาวุโสนิตยสารไทม์ ใช้เวลาค้นคว้าศึกษานานหลายปี และเขียนหนังสือ “THE SIBLING EFFECT” ระบุว่า 95% ของพ่อแม่ทั่วโลกรักลูกไม่เท่ากัน และโอ๋ลูกคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ขณะที่อีก 5% เป็นพวกโกหกตัวเอง พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองแสดงออกว่าลำเอียง

จากผลการศึกษาแบบเจาะลึก ทำให้พบว่าลูกชายคนโต มักจะเป็นลูกคนโปรดของแม่โดยธรรมชาติ ขณะที่ลูกสาวคนเล็ก ซึ่งมีแนวโน้มขี้อ้อน มักจะเป็นลูกคนโปรดของพ่อ สำหรับลูกคนกลาง มักจะรู้สึกน้อยใจ ไม่ได้รับความรัก ความสนใจของพ่อแม่ มีผลวิจัยยืนยันว่า “ลูกคนกลางไม่มีวันได้เป็นลูกรัก”

เมื่อลูกคนโตถูกละเลย

การจะสอนให้ลูกคนโตไม่รู้สึกอิจฉาน้อง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ คือต้องสอนให้ผู้เป็นพี่ยอมรับ มีใจรักและเมตตาเอ็นดูน้องตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะเมื่อเด็กทารกมักจะเป็นจุดสนใจของคนทั่วไป ถึงแม้ลูกคนโตในวัยเตาะแตะจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่เขามักจะรู้สึกอิจฉาน้องอยู่ในใจ และรู้สึกว่าตนถูกละเลยในขณะที่น้องได้รับการพูดถึงหรือคำชมจากคนรอบข้างแต่เพียงผู้เดียว หากพ่อแม่ไม่ใส่ใจความรู้สึกของลูกคนโต พฤติกรรมหรือสิ่งที่เขาแสดงออกจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งคุณสามารถป้องกันสถานการณ์ดังกล่าวได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

ท้ายที่สุดแล้ว ความเข้าใจของพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อคุณแม่ เอ็นดูลูกต่างกันได้ แต่ต้องรักลูกให้เท่ากัน พูดให้ลูกเข้าใจว่าทำไมคุณพ่อ คุณแม่ต้องใส่ใจลูกอีกคนมากกว่า และไม่แสดงความลำเอียงให้ลูกเห็น จนน้อยใจ

อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/content/1008687

https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_444764

เครดิต: LIEKR, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการออนไลน์, ไทยรัฐออนไลน์