พบกับ วิวัฒนาการชุดชั้นใน กว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ที่มาจะเป็นแบบไหนที่นี่มีคำตอบ!
คุณแม่ทั้งหลายเคยสงสัยกันหรือไม่คะว่า ชุดชั้นในที่เราใส่ ๆ กันนั้น เขามีที่มากันอย่างไร คนสมัยก่อนจะใส่แบบไหน เอ … หรือว่าเขาไม่ใส่กัน ถ้าอยากรู้แล้วละก็ วันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids มีคำเฉลยมาฝากคุณแม่ ๆ ทุกท่านกันค่ะ นอกจากนี้นะคะ ทีมงานยังมี 5 วิธีสังเกตว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่กันเสียที
ชุดชั้นใน คืออะไร?
ชุดชั้นใน สามารถเรียกอีกอย่างว่า อันเดอร์แวร์ Underwear) เป็นเสื้อผ้าสวมใส่อยู่ข้างในใต้เสื้อผ้าอื่น ๆ ที่มักจะไปในผิว โดยจะปกคลุมชั้นนอกจากการถูกทำให้สกปรก จากการหลั่งของร่างกายและการปล่อยของเสียจากร่างกายและให้ความช่วยเหลือบางส่วนได้ ในสภาพอากาศหนาวเย็น ชุดชั้นในโดยทั่วไปจะมีสองประเภท ผู้ที่จะสวมใส่เพื่อให้ครอบคลุมร่างกายส่วนลำตัวและเสื้อกางเกงชั้น แม้ว่าเสื้อผ้าที่ครอบคลุมทั้งสองก็ยังมีอีกด้วย สไตล์ที่แตกต่างของชุดชั้นในที่สวมใส่โดยทั่วไปจะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ชุดชั้นในที่สวมใส่โดยทั่วของผู้หญิงในทุกวันนี้ก็มี ยกทรง และกางเกงชั้นในสตรี เป็นต้น
ทีมงานได้มีโอกาสไปอ่านเจอบทความนี้มา เลยคิดว่า ต้องมีคุณแม่หลาย ๆ คนที่กำลังเป็นแฟนคลับของละครดังอย่างออเจ้า เกิดข้อสงสัยว่า ชุดชั้นใน ที่เราใส่ ๆ กันนั้น มีพัฒนาการมาได้อย่างไร แล้วสมัยก่อนเขาใส่หรือไม่ใส่กันแน่ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
วิวัฒนาการชุดชั้นใน เป็นอย่างไร?
ย้อนกลับไปในสมัยโบราณ ทราบไหมคะว่า เขาเรียกชุดชั้นในกันว่าอะไร? คำตอบก็คือ “เปลนม”
ช่วงอากาศหนาวนั้น คนสมัยก่อน จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าหลาย ๆ ชั้น เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น โดยเฉพาะบริเวณหน้าอก
โดยเปลนมนั้น เริ่มเข้าในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4
และเริ่มมีบทบาทชัดเจนในสมัยรัชกาลที่ 5
โดยชุดชั้นในรุ่นแรกนั้นมีชื่อเรียกกันว่า “ทรง Princess แปลงหรือเสื้อ 5 ตะเข็บ” ลักษณะของเปลนม มีดังนี้
ปกติแล้ว คุณแม่ใส่ชุดชั้นตัวนึงนานกันขนาดไหนคะ หรือว่าอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน หรือปล่อยให้ยานและขาดก่อนค่อยเปลี่ยนกันแน่ … วันนี้ทีมงานมีวิธีการสังเกตชุดชั้นในมาฝากกันค่ะ โดยให้คุณแม่สังเกตจาก 5 ข้อนี้
1.โครงเสื้อชั้นในเริ่มหลุด เมื่อคุณแม่พบว่าโครงเสื้อชั้นในเริ่มหลุดออกมาแล้วนั่นหมายถึง เสื้อในตัวโปรดของคุณแม่หมดอายุแล้วล่ะค่ะ ซึ่งหากยังคงใส่ต่อไป ก็จะทำให้ผิวเกิดการอักเสบจากการขัดสีโดยตรงระหว่างผิวและโครงเสื้อใน หรือไม่ก็อาจจะเกิดการแพ้วัสดุที่ใช้ทำโครงเสื้อในได้
2.ตะขอพัง เมื่อตะขอเกี่ยวพังก็เท่ากับว่าไม่สามารถใช้เสื้อชั้นในตัวนั้นได้อีกต่อไป เพราะถึงแม้ว่าจะซ่อมให้ตะขอเกี่ยวได้ดังเดิม แต่ก็ไม่ทำให้เสื้อชั้นในกระชับเหมือนเก่าอยู่ดี ซึ่งก็จะมีผลต่อการทำให้หน้าอกหย่อนยานได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นตัดสินใจซื้อชุดชั้นในตัวใหม่ไปเลยจะดีที่สุด
3.เสื้อชั้นในคับแน่นมากขึ้น การที่เสื้อชั้นในมีความคับแน่นมากขึ้น นั่นหมายถึง คุณแม่กำลังมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแล้วละค่ะ เลยทำให้เสื้อชั้นในที่สวมใส่อยู่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างพอดีเหมือนเก่า ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดอาการเจ็บบ่าหรือปวดหลังจากการรัดแน่นของเสื้อในเป็นเวลานานอีกด้วย โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการเปลี่ยนเสื้อชั้นในตัวใหม่และขนาดใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมนั่นเอง
4.เสื้อชั้นในมีรอยขาด เสื้อชั้นในมีรอยขาดบ่งบอกได้ถึงการเสื่อมสภาพอย่างชัดเจน ไม่แนะนำคให้คุณแม่ใส่ค่ะ เพราะถึงแม้จะยังใช้งานได้จริง แต่ก็คงไม่ดีเหมือนเดิม แถมยังทำให้บุคลิกแย่ลงอีกด้วย เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรเก็บทิ้งและตัดสินใจซื้อใหม่ไปเลยดีกว่านะคะ
5.สายรัดด้านหลังสูงหรือต่ำเกิน เสื้อในที่ดีสายรัดต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม และให้ความรู้สึกกระชับเมื่อสวมใส่ ดังนั้นหากรู้สึกว่าสายรัดด้านหลังสูงหรือต่ำเกินไป คุณแม่ควรซื้อเสื้อชั้นในตัวใหม่ได้แล้วค่ะ
ชมคลิป!
ขอบคุณที่มา: รายการกบนอกกะละและ Sanook
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่