All you need is “Fragrance”
คุณแม่หลายๆท่านเลือกพักขวดน้ำหอมไว้ในตู้เย็นก่อน หลังจากคลอดลูก แต่เมื่อลูกโตแล้ว คงหันกลับมาใช้น้ำหอมเหมือนเดิม เพราะน้ำหอมกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน บางคนถึงกับมีตู้เย็นสำหรับเก็บน้ำหอมโดยเฉพาะเลยทีเดียว สิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยที่ 6 หรือ 7 ของชีวิตไปแล้ว เพราะหลายคนถือคติว่า แม้หน้าไม่(มีเวลา)แต่ง ก็ขอให้กลิ่นตัวหอมไว้ก่อน เป็นใช้ได้ ว่าแต่หลงใหลความหอมขนาดนี้ เรารู้จักน้ำหอมแต่ละประเภทดีหรือยัง ใช้ถูกรึเปล่า แล้วเลือกเป็นไหม แค่ดมแล้วชอบก็ซื้อได้เลยหรือ เรื่องราวน่ารู้แบบนี้ บรรดาน้ำหอมเลิฟเวอร์ไม่ควรพลาดนะคะ
วิธีการเลือกน้ำหอม
บอกแนวกลิ่นที่ตัวเองชอบ เพื่อให้พนักงานคัดเลือกน้ำหอมที่ตรงใจกับคุณได้ หรือ ถ้าใครไม่มีแนวกลิ่นแน่นอน ลองให้พนักงานเลือกจากบุคลิก หรือ สไตล์การแต่งกายของคุณก็ได้
ทดลองกลิ่นจากกระดาษก่อน เมื่อเราพอใจกลิ่นไหนแล้วค่อยฉีดกลิ่นนั้นลงบนผิวข้อมือ เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าใช่กลิ่นที่คุณต้องการหรือเปล่า และหลังจากทดลองกลิ่นจริงบนข้อมือแล้วอย่าเพิ่งใจร้อน รอสักครู่ให้กลิ่นน้ำหอมทำปฏิกิริยากับร่างกาย
ใช้เวลาทดสอบนานสักนิด ประมาณ 20 นาที – 1 ชั่วโมง ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เพราะน้ำหอมมีกลิ่น 3 ระดับ Top nose คือ กลิ่นที่จะได้รับทันทีที่ฉีดน้ำหอม กลิ่นแรกนี้จะอยู่ได้ประมาณ 15 นาที และจางหายไปอย่างรวดเร็ว อย่าเพิ่งโดนหลอกจากกลิ่นแรกนี้ เพราะกลิ่นที่แท้จริง คือ กลิ่น Middle nose ช่วงนี้กลิ่นจะฟุ้งกระจายตัวอย่างเต็มที่ และคงอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง ซึ่งกลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นหัวใจของน้ำหอม และ Base nose กลิ่นเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งจะแสดงกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 4-6 ชั่วโมง และค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
คนเรารับรู้และจำแนกกลิ่นในเวลาเดียวกันได้ถึง 5 กลิ่น ถ้าต้องการทดลองน้ำหอมหลายๆ กลิ่น เพื่อไม่ให้สับสน การสูดดมกาแฟก็ช่วยให้เราจำแนกกลิ่นได้ดีขึ้น
ฉีดน้ำหอมอย่างไรให้ตรงจุด
– ให้ป้ายหรือฉีดบริเวณที่เป็นจุดชีพจร ไม่ว่าจะเป็นข้อมือ ลำคอ กระดูกไหปลาร้า รวมไปถึงข้อพับต่างๆ ไม่ควรฉีดบริเวณหลังใบหู เพราะจะทำให้แอกลฮอล์ระเหยง่าย ไม่ติดทนนาน
– ฉีดหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ตอนที่ผิวยังชุ่มชื้น เพื่อให้กลิ่นติดทานนานกว่าปกติ
– ไม่ควรใช้วิธีแต้มน้ำหอมไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้าง แล้วถูเข้าด้วยกัน จะทำให้น้ำหอมมีกลิ่นหอมอ่อนลง
– อย่าใช้โลชั่นที่มีกลิ่นหอม กลิ่นจะได้ไม่ตีกัน
– ฉีดสเปรย์น้ำหอมในอากาศ เมื่อเราเดินผ่าน กลิ่นจะกระจายติดไปทั่วตัวเรา
– หากเป็นคนผิวแห้ง ควรใช้น้ำหอมมากหน่อย เพราะผิวไม่ค่อยมีน้ำมันที่ช่วยให้กลิ่นติดยาวนาน
การฉีดน้ำหอมควรห่างจากตัวอย่างน้อย 30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้น้ำหอมทิ้งจุดด่าง รอยหมองคล้ำ หรือรอยเปียกของน้ำมันเอาไว้บนเสื้อผ้า หรือ เครื่องประดับ
วิธีการเก็บรักษาน้ำหอม
เก็บไว้ในที่เย็น มืด โดยที่ฝาน้ำหอมปิดสนิท หากเราเก็บนํ้าหอมตามวิธีดังกล่าว จะเก็บได้นานถึง 3 ปีนับจากวันที่ผลิต โดยที่กลิ่นของนํ้าหอมไม่เปลี่ยนไป
กลิ่นแบบไหน ใช่สำหรับคุณ
Classic กลิ่นที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้งอบอุ่น น้ำหอมกลุ่มนี้มักจะมีส่วนผสมของกลิ่นมัสก์ กลิ่นแบบเปลือกไม้ และกลิ่นแบบเครื่องเทศเล็กน้อยด้วย (Musky, Woody & Spicy)
Romantic นอกจากให้ความรู้สึกลึกซึ้งและอบอุ่นแล้ว ยังดูนุ่มนวลและอ่อนหวาน มักมีกลิ่นใบไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ และบางชนิดมีกลิ่นมัสก์ เล็กๆเสริมด้วย (Forest, Floral & Musky)
Fresh ให้ความรู้สึกสดชื่นเย็นปลอดโปร่ง โล่งสบาย น้ำหอมกลุ่มนี้มักมีส่วนผสมหลักเป็นกลิ่นใบไม้ใบหญ้า กลิ่นผลไม้ตระกูลส้ม รวมทั้งกลิ่นดอกไม้ต่างๆ (Forest, Citrus & Floral)
Sport ให้ความรู้สึกคึกคัก ตื่นตัว คล่องแคล่วปราดเปรียว น้ำหอมกลุ่มนี้มักจะมีส่วนผสมของกลิ่นผลไม้ตระกูลส้ม กลิ่นทะเล และกลิ่นเครื่องเทศ