ไม่อยากให้ลูกท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ต้องรู้จัก วิธีล้างผักผลไม้ ให้สะอาดและปลอดสาร!
ด้วยความรักและห่วงใยในสุขภาพของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็ย่อมที่จะเลือกสรรสิ่งดี ๆ และปลอดภัยให้กับลูก ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรืออาหารการกิน … และแน่นอนค่ะว่า ในเรื่องของอาหารการกินนั้น คือสิ่งที่เราเป็นห่วงลูก ๆ มากที่สุด จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเตรียมผักและผลไม้ให้ลูกได้ทานกัน … แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ผักและผลไม้ที่เราให้ลูกทานนั้น สะอาดและปลอดภัยจากสารพิษจริง ๆ เพราะถ้าหากเราล้างสารพิษเหล่านี้ไม่สะอาด ลูกน้อยของเขานี่แหละ ที่จะได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ
ผักและผลไม้สดที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีสารพิษจากยาป้องกัน และสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ รวมไปถึงเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และสารโลหะหนักอื่น ๆ ที่ปะปนมากับผักผลและไม้ ซึ่งสารเหล่านี้จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งโรคที่มาพร้อมกับผักและผลไม้ที่ปนเปื้อนสารพิษจะมีทั้งโรคชนิดที่เกิดแบบเฉียบพลันและโรคเรื้อรัง ได้แก่
- อาการเฉียบพลัน เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด หายใจไม่ออก ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นไข้ ตัวชา หรือแม้แต่หมดสติไป หรือที่เรียกว่า “อาหารเป็นพิษ”
- ส่วนโรคเรื้อรังของการได้รับสารพิษที่มาจากผักและผลไม้ ส่วนมากจะมาจากการได้รับสารจากยาฆ่าแมลง เช่น ทำให้เกิดโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคกระเพาะอาหาร การเจริญเติบโตที่ผิดปกติในเด็กและทำให้เกิดความเครียด เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับคุณพ่อคุณแม่ว่า ลูก ๆ จะได้รับประทานผักและผลไม้อย่างปลอดภัยจริง ๆ ทีมงาน Amarin Baby and Kids จึงได้รวบรวมเอา 16 วิธีการล้างผักและผลไม้ให้ปลอดภัยไร้สารตกค้างมาฝากกันค่ะ
พบกับ 16 วิธีการล้างผักและผลไม้ให้ปลอดภัยไร้สารพิษได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
วิธีการล้างผักและผลไม้ ให้ไร้สารพิษตกค้าง
- แช่น้ำ ก่อนนำมาปรุงอาหารให้คุณแม่เริ่มต้นด้วยการล้างผักรอบแรกให้สะอาดเสียก่อน หลังจากนั้นเด็ดผักออกเป็นใบ ๆ แล้วนำมาแช่ในอ่างน้ำที่เตรียมไว้ประมาณ 15 นาที โดยวิธีนี้จะช่วยลดสารพิษจากฆ่ายาแมลงได้ประมาณ 7-33 เปอร์เซนต์
- ล้างผักโดยให้ปล่อยให้น้ำไหลผ่าน เริ่มต้นโดยการเด็ดผักออกมาเป็นใบ ๆ แล้วนำมาใส่ในตะกร้าหรือตะแกรงโปร่ง หลังจากนั้นให้คุณแม่เปิดน้ำให้แรงพอประมาณ ระหว่างล้างให้ใช้มือช่วยคลี่ใบผักและถูไปมาบนผิวใบของผักผลไม้ไปด้วยประมาณ 2 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25 – 63 เปอร์เซนต์ และจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธียอดนิยมและได้ผลดีมาก ๆ วิธีหนึ่งเลยค่ะ แต่ในข้อดีก็ยังมีข้อเสียนั่นก็คือ ใช้เวลานานในการล้างและต้องใช้น้ำสะอาดปริมาณมาก
- ปอกเปลือกออก สำหรับวิธีนี้ให้คุณแม่นำผักหรือผลไม้มาปอกเปลือกหรือการลอกใบผักชั้นนอกออก เช่น กะหล่ำปลี เป็นต้น แนะนำให้ลอกเปลือกหรือกาบด้านนอกออกทิ้งสัก 2-3 ใบ เพราะสารพิษส่วนใหญ่จะสะสมตกค้างบริเวณเปลือกด้านนอกหรือบริเวณกาบ แล้วจึงนำไปแช่ในน้ำสะอาดอีกประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27 – 72 เปอร์เซนต์เลยละค่ะ
- ลวกผักหรือต้มผัก ก่อนนำมาลวกให้นำผักมาล้างให้สะอาดเสียก่อนนะคะ แล้วจึงนำมาลวกหรือต้ม โดยการลวกผักด้วยน้ำร้อนจะช่วยลดสารพิษได้ 50 เปอร์เซนต์ ส่วนการต้มผักนั้นก็ช่วยลดสารพิษได้ประมาณ 50 เปอร์เซนต์ เช่นกัน แนะนำว่า ให้ต้มน้ำแรกและเททิ้งก่อน หลังจากนั้นค่อยนำไปปรุงอาหารหรือรับประทานนะคะ และวิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ดีและปลอดภัย แต่ก็อาจจะทำให้ผักและผลไม้เสียคุณค่าทางอาหาร เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี3 วิตามินซี ไปกับน้ำร้อนที่ลวกได้
- น้ำเกลือ ให้คุณแม่นำเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วนำผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27 – 38 เปอร์เซนต์ แต่วิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เพราะลดปริมาณของสารพิษได้ไม่มาก และอาจทำให้ผักและผลไม้มีรสเค็มได้
- น้ำซาวข้าว อีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่นิยมก็คือ ให้นำผักหรือผลไม้มาแช่ด้วยซาวข้าวประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ 29-38 เปอร์เซนต์ค่ะ
- น้ำปูนใส ให้เตรียมน้ำปูนใสอิ่มตัวที่ผสมกับน้ำเท่าตัว แล้วนำมาผักมาแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 34-52 เปอร์เซนต์
- ผงปูนคลอรีน หรือแคลเซียมไฮโปคลอไรต์ ให้คุณแม่นำผงปูนคลอรีน 60 เปอร์เซนต์ จำนวน 1/2 ช้อนชา (ที่มีความเข้มข้นของคลอรีน 50 พีพี เอ็ม) มาผสมกับน้ำ 20 ลิตร แล้วนำมาผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที วิธีนี้จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ดีมาก
อ่านต่ออีก 8 วิธีล้างผักผลไม้ให้ปลอดสารพิษเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
9. ด่างทับทิม ให้คุณแม่ใช้ด่างทับทิมประมาณ 20-30 เกล็ด (ด่างทับทิมจะมีลักษณะเป็นผลึกหรือเกล็ดสีม่วง สามารถละลายน้ำได้) มาผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วจึงนำผักมาแช่ไว้ในน้ำด่างทับทิมประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดประมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 35 – 43 เปอร์เซนต์ แต่ต้องระวังนะคะ เพราะการใช้ด่างทับทิมในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร ถ้าหากสูดดมไอระเหยของด่างทับทิมเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาได้ และถ้าด่างทับทิมเข้าตาก็อาจทำให้ตาบอดได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากคุณแม่เลือกใช้วิธีนี้ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังกันด้วยนะคะ
10. น้ำส้มสายชู หรือ Vinegar เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้กัน เริ่มต้นจากการเตรียมน้ำสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5 เปอร์เซนต์ของกรดน้ำส้ม นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 10 ส่วน แล้วจึงนำผักมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบหนึ่ง จะช่วยลดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 60-84 เปอร์เซนต์ หากคุณแม่เลือกใช้วิธีนี้ ภาชนะที่ใช้จะต้องไม่เป็นพลาสติก และการล้างผักด้วยวิธีนี้อาจทำให้ผักบางชนิดมีกลิ่นของน้ำส้มสายชูติดมาได้ เพราะผักบางอย่าง เช่น ผักกาดขาว ผักกาดเขียว อาจมีการดูดรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู และทำให้ผักมีรสชาติเปลี่ยนไปนั่นเองค่ะ
11. เบกกิ้งโซดา หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต สามารถนำมาใช้ล้างสารพิษจากผักและผลได้ด้วยนะคะ และเป็นวิธีที่นิยมกันมากอีกวิธีหนึ่งด้วย ด้วยการใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 10 ลิตร แล้วนำผักหรือผลไม้มาแช่ไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษได้มากถึง 90-95 เปอร์เซนต์เลยละค่ะ แต่ข้อเสียของการใช้เบกกิ้งโซดาในการล้างผักผลไม้ คือ เบกกิ้งโซดาจะมีส่วนผสมของโซเดียมอยู่ และอาจจะดูดซึมเข้าสู่ผักและผลไม้ที่นำไปแช่ได้ เพราะถ้าหากล้างไม่สะอาด การได้รับเบกกิ้งโซดาในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้ท้องเสียได้นะคะ
12. ผงฟู ให้คุณแม่นำผงฟู 1/2 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา 10 ลิตร แล้วนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้สามารถช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้มากกว่า 90 เปอร์เซนต์ อีกทั้งยังปลอดภัยและไม่อันตรายอีกด้วยค่ะ
13. น้ำยาล้างผัก อีกหนึ่งวิธีที่สะดวกสบายและหาซื้อได้ง่าย ให้คุณแม่เลือกใช้ยี่ห้อที่มีความเข้มข้นประมาณ 0.3 เปอร์เซนต์ หลังจากนั้นให้ผสมลงไปในน้ำ 4 ลิตร และนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25-70 เปอร์เซนต์ แต่สำคัญตรงที่ว่า ในการเลือกซื้อนั้น ควรศึกษาถึงส่วนผสมของน้ำยาให้ดีก่อนค่ะ เพราะสารบางชนิดอาจส่งผลกับร่างกายของเราได้
14. น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างขวดนม การล้างผลไม้โดยใช้น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างขวดนมนั้น ให้คุณแม่ใช้ฟองน้ำถูเบา ๆ จะเป็นการช่วยลดโอกาสการติดเชื้อที่อยู่บริเวณผิวของผลไม้ได้ ที่สำคัญสามารถนำวิธีนี้ไปล้างไข่ไก่หรือไข่เป็ดก่อนทำอาหารด้วยก็ได้นะคะ ทั้ังยังช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อได้มากกว่า 95 เปอร์เซนต์เลยค่ะ
15. ผงถ่าน เป็นวัสดุคาร์บอนซึ่งมีเนื้อพรุน มีคุณสมบัติในการดูดซับสูงมาก ทำให้มันสามารถจับสารในปริมาณมากมายไว้ที่ผิว ด้วยคุณสมบัตินี้เองเราจึงนำมาใช้ประโยชน์ในการล้างผักผลไม้ได้ ซึ่งมันจะช่วยดูดกลิ่น ดูดสี ดูดซับสารพิษออกจากผัก แต่จะจะไม่ดูดซับแร่ธาตุออกไป อีกทั้งร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมผงถ่านได้ด้วยเช่นกัน จึงไม่เป็นอันตรายเพราะร่างกายสามารถขับออกได้ แต่การนำมาใช้ล้างผักผลไม้ หากใช้ในปริมาณน้อยและแช่ไว้ไม่นานพอ ก็จะไม่สามารถดูดซับสารพิษออกมาได้นะคะ วิธีการก็ให้คุณแม่นำผงถ่าน 1 ช้อนชาผสมกับน้ำ 5 ลิตร หลังจากนั้นก็นำผักผลไม้มาแช่ไว้ประมาณ 20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สำหรับข้อสุดท้ายสำหรับบ้านไหนที่รักการทานถั่วหรือเมล็ดธัญพืชละก็ วิธีการล้างถั่วให้สะอาดนั้นง่ายที่สุดเลยก็คือ ล้างน้ำให้สะอาดเลือกเมล็ดถั่วที่แข็ง ๆ ทิ้งไปแล้วต้มน้ำจนเดือดเสร็จแล้วให้เทน้ำทิ้ง ใส่น้ำเริ่มต้มใหม่อีกครั้ง รอให้น้ำเดือด ทีนี้เบาไฟต้มต่อไปด้วยไฟอ่อน ให้คุณแม่หยิบเมล็ดถั่วขึ้นมาบีบดู เลือกความแข็งอ่อนของถั่วตามใจชอบตามที่ต้องการ เสร็จแล้วให้ใส่เกลือลงไปนิดหน่อยแล้วเทน้ำทิ้ง เท่านี้เราก็ได้ถั่วที่สะอาดกันแล้วละค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 16 วิธีที่เรานำมาฝากกัน เรียกได้ว่าคุณแม่สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกเลยละค่ะ หรืออยากลองหลาย ๆ วิธีก็สามารถทำได้ เพียงเท่านี้เราก็มั่นใจกันได้แล้วว่า ลูกน้อยของเราจะสามารถรับประทานผักและผลไม้โดยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จริง ๆ … อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ
เครดิต: MedThai และ Thaijobsgov
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่