AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ อย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงมะเร็ง

อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ

ปัจจุบันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไมโครเวฟ” เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความสำคัญ เพราะความสะดวกรวดเร็วในการอุ่นอาหาร ปรุงอาหาร แต่สงสัยกันหรือเปล่าคะว่าการ อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ นั้นอันตรายหรือไม่

อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ อย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เสี่ยงมะเร็ง

หลักในการ อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ

ไมโครเวฟ ใช้แม่เหล็กไฟฟ้าในการทำให้อาหารร้อน หรือ สุก โดยคลื่นไมโครเวฟที่ใช้นั้น จะมีความถี่คลื่นที่ 2,450 ล้านรอบต่อวินาที (หรือ 2,150 เมกะเฮิรตซ์) เมื่อคลื่นพุ่งไปกระทบอาหาร อาหารจะถ่ายทอดพลังงานของมันให้โมเลกุลของน้ำทั้งในและนอกอาหารเกิดการ สั่นสะเทือนเสียดสีกันเป็นความร้อน จึงทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว
โดยไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้าง หรือ รสชาติของอาหาร

อันตรายจากการ อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ

รังสีตกค้างในอาหารจากการอุ่น/ปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟ

เมื่อคลื่นไมโครเวฟถูกดูดซับไปในอาหารและทำปฏิกริยากับอาหารให้ร้อนแล้ว จะสลายตัวทันที ไม่มีคลื่นหรือรังสีใด ๆ ตกค้างในอาหาร จึงไม่มีอันตรายกับสุขภาพ รวมถึงไมโครเวฟยังไม่ได้ทำให้คุณค่าของอาหารลดลงมากกว่าการอุ่นหรือปรุงสุกด้วยวิธีอื่น สิ่งที่ทำให้คุณค่าของสารอาหารเปลี่ยนแปลงไปคือความร้อน และเวลาในการปรุงต่างหาก ดังนั้นการรับประทานอาหารที่อุ่นหรือปรุงสุกด้วยไมโครเวฟเป็นประจำจึงไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพแต่อย่างใด เพียงแต่การนำอาหารค้างคืนมาอุ่นซ้ำ สิ่งที่ต้องระวังนั่นคือ อาหารที่นำมาอุ่นซ้ำนั้นไม่บูดหรือเสีย เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้

การอุ่นหรือปรุ่งอาหารในไมโครเวฟ ไม่ทำให้สารอาหารลดลง

การจ้องมองแสงในขณะที่เครื่องกำลังทำงานมีอันตรายต่อดวงตาจริงหรือไม่

ไม่จริง เพราะคลื่นไมโครเวฟไม่สามารถจะทะลุทะลวงผ่านผนังตู้และฝาตู้ออกมาได้ เนื่องจากไมโครเวฟประกอบขึ้นด้วยวัสดุที่สามารถป้องกันคลื่นไม่ให้ออกมาสู่ภายนอก จึงถือว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัย  และแสงที่เรามองเห็นในตู้ไม่ใช่แสงของคลื่นไมโครเวฟ แต่เป็นแสงของดวงไฟฟ้าที่ติดตั้งไว้ให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในตู้เพื่อให้มองเห็นอาหารขณะเครื่องทำงานเท่านั้นเอง

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ 6 อาหารที่ไม่ควรอุ่นหรือปรุงในไมโครเวฟ

6 อาหารที่ไม่ควรอุ่นหรือปรุงในไมโครเวฟ

  1. นมแม่

ไม่ควรนำน้ำนมแม่ที่ปั๊มออกมาแล้วไปอุ่นในไมโครเวฟ เพราะความร้อนสูงในไมโครเวฟ จะทำให้คุณค่าทางสารอาหารต่าง ๆ ที่มีในน้ำนมแม่หายไป นอกจากนี้ หากอุ่นน้ำนมแม่ซึ่งมีสารยับยั้งเชื้อโรค เช่น เชื้ออีโคไล จะทำให้สารชนิดนี้ลดลง เมื่อไม่มีสารยังยั้งเชื้อโรคในน้ำนม หากนมแม่ไปปนเปื้อนเชื้อโรค ก็จะทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ถึง 18 เท่า ทำให้อาจจะเป็นอันตรายกับลูก ๆ ได้

ข้อแนะนำ การนำนมแม่สต๊อกมาใช้ วิธีที่ถูกต้อง คือ ย้ายถุงนมแม่แช่แข็งจากช่องฟรีสลงมาช่องน้ำเย็น ให้ละลายเองในตู้เย็นข้ามคืน ตอนเช้าเอาออกมาเทใส่ขวด แล้วฝึกให้ลูกกินแบบเย็น ๆ ได้เลย ข้อดี คือ กลิ่นหืนจะน้อยกว่านมไม่เย็น และ คุณค่าสารอาหารอยู่ครบ นมเย็นไม่ได้ทำให้ปวดท้อง หรือ ท้องเสีย สำหรับ เด็กบางคนที่ไม่ยอมกินนมเย็น ก็ให้นำมาทำให้เป็นนมอุณหภูมิห้อง โดยนำนมเย็นมาแช่ในน้ำอุ่น หรือ วางไว้ที่อุณหภูมิห้อง รอให้นมหายเย็น แล้วจึงค่อยป้อน ไม่ให้อุ่นโดยใส่ไมโครเวฟ หรือ วางไว้ในเครื่องอุ่นนมไฟฟ้า เพราะจะเสียคุณค่าสารอาหาร และ สารต้านทานเชื้อโรค

ไม่ควรอุ่นนมแม่ในไมโครเวฟ เพราะจะทำให้คุณค่าและสารอาหารในน้ำนมแม่ลดลงจากความร้อน

2. ไข่ทั้งใบ

การนำไข่ทั้งใบเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ คลื่นไมโครเวฟจะเข้าไปทำปฏิกริยากับน้ำในไข่เท่านั้น ทำให้น้ำในไข่ร้อนจนกลายเป็นไอ ในขณะที่เปลือกไข่ยังหุ้มน้ำในไข่อยู่ เมื่อมีใครไปกะเทาะเปลือกไข่ แรงดันทั้งหมดก็จะพุ่งออกมาจากจุดที่ถูกกะเทาะนั้นทำให้เกิดการพุ่งระเบิด จนเป็นอันตรายได้

ข้อแนะนำ การปรุงอาหารประเภทไข่ในไมโครเวฟ ควรทำโดยการตอกไข่ออกมาจากเปลือกและจิ้มส่วนไข่แดงให้แตก ก่อนนำเข้าไมโครเวฟ และอีกวิธีคือการต้มไข่ทั้งใบ โดยการใส่ไข่ในถ้วยเติมน้ำจนท่วม แล้วใส่เกลือ 1 ช้อนชาลงไป เกลือจะช่วยลดแรงดันในไข่ไม่ให้ระเบิดได้

3. น้ำเปล่า

เช่นเดียวกันกับการใส่ไข่ทั้งใบไปอุ่นในไมโครเวฟ เมื่อใส่น้ำเพื่ออุ่นในไมโครเวฟ จะทำให้น้ำมีความร้อนสูงขึ้น จนทำให้เกิดการเปลี่ยนเป็นไอน้ำพร้อม ๆ กันแล้วพุ่งระเบิดขึ้นจากแก้วได้

ข้อแนะนำ ใส่ช้อนหรือตะเกียบไม้ลงไปในน้ำ เพื่อให้น้ำมีจุดให้เกาะ และกลายสภาพเป็นไอโดยไม่เกิดการระเบิดพุ่ง หรือหากจะชงกาแฟหรือนม ก็ให้ผสมส่วนผสมลงไปตั้งแต่แรก ก็จะป้องกันได้เช่นกัน

4. ผักและผลไม้ต่าง ๆ

การ อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ ในการทำอาหารประเภทผัก ไม่ว่าจะเป็น นึ่ง หุง ต้ม ผัด หรือทอด ต่างก็ทำให้สูญเสียสารอาหารในผักทั้งสิ้น ทั้งนี้อัตราการสูญเสียก็แล้วแต่วิธีการที่แตกต่างกันไป และจากผลการวิจัย การนำผักบล็อคโคลี่ไปใช้กับไมโครเวฟ ทำให้สูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักถึง 97% เลยทีเดียว นอกจากนี้ ผลไม้บางชนิดก็ทำให้ไมโครเวฟเสียได้ เพราะเมื่อผลไม้ถูกคลื่นไมโครเวฟทำให้แห้งแล้ว ก็จะเริ่มปล่อยพลาสมาออกมาจำนวนมากและทำให้ไมโครเวฟไหม้ได้

ข้อแนะนำ หากจำเป็นต้องใช้ไมโครเวฟปรุงอาหารจำพวกผักหรือผลไม้ ควรเลือกอุณหภูมิปานกลาง และไม่ปรุงให้สุกจนเกินไป ทางที่ดีควรเลือกทานผักผลไม้สด ๆ จะดีกว่า

5. ผลไม้และเนื้อสัตว์แช่แข็ง

นอกจากจะทำให้สารอาหารในเนื้อสัตว์และผลไม้ลดลงแล้ว คลื่นไมโครเวฟยังทำให้น้ำตาลที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในผลไม้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสารก่อมะเร็งได้

ข้อแนะนำ การละลายอาหารที่ดีและปลอดภัยคือ การน้ำมาแช่น้ำหรือละลายที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งแม้จะใช้เวลานานหน่อย แต่ปลอดภัยแน่นอนค่ะ

6. ขนมปัง

การนำขนมปังเข้าไมโครเวฟจะทำให้ขนมปังนั้นกินไม่ได้ เพราะเพียงแค่นำขนมปังเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟเพียง 10 วินาที หรือมากกว่านั้น ก็จะทำให้ขนมปังเสียความชุ่มชื้นและทำให้ขนมปังแข็ง และเหม็นไปเลยค่ะ

ข้อแนะนำ หากอยากจะอุ่นขนมปัง ควรใช้วิธีปิ้งกับเครื่องปิ้งขนมปังหรือเตาอบจะดีกว่าค่ะ

การ อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ ถ้าเราใช้อย่างถูกวิธี ก็จะช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้น และยังมีสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่รู้จักใช้ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย และทำลายสุขภาพได้เช่นกัน ที่สำคัญอย่าลืมซื้อเครื่องที่มีมาตรฐาน มีการรับรองคุณภาพ อ่านคู่มือก่อนใช้ และเลือกภาชนะที่ใช้ให้เหมาะสม หากเครื่องดีไม่มีรอยรั่ว อันตรายจากไมโครเวฟจะไม่เกิดขึ้นเลย

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

เตือนแม่!! 11 ภาชนะ ห้ามใส่อาหารเข้าอุ่นไมโครเวฟ อันตรายต่อสุขภาพลูกน้อย

เฉลย! 11 อาหารห้ามอุ่นซ้ำ อันตราย เป็นพิษร้ายจริงหรือ?

อันตรายจากคลื่นโทรศัพท์มือถือ เสี่ยงมะเร็ง-ทำร้ายสมองหรือไม่?

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลสมิติเวชkaijeaw.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids