ซิงเกิลมัม หรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ในกรณีที่ครอบครัวหรือการใช้ชีวิตคู่มีอันต้องจบลง ถือได้ว่าเป็นคุณแม่ที่เหนื่อยกว่าคุณแม่ที่เลี้ยงลูกโดยครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เพราะทุกขั้นตอนทุกอย่างในการเลี้ยงดูลูก ซิงเกิลมัมต้องทำด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าเลี้ยงทั้งตัวเองและเลี้ยงทั้งลูกไปด้วยพร้อมๆกัน
การเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอาจทำให้ซิงเกิลมัมหลายคนถอนหายใจกันไปหลายเฮือกเลยทีเดียว แต่หากคุณอยากจะก้าวขึ้นมาเป็นซิงเกิลมัมที่สมบูรณ์แบบแล้วหละก็ ไม่ยากเลย แต่อันดับแรกคุณอาจต้องปรับตัวตั้งรับสถานภาพใหม่ของ ซิงเกิลมัม นี้ให้ได้เสียก่อน
ปรับความคิดและจิตใจ
จากสุภาษิตที่ว่า “ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว” เพราะฉะนั้น ซิงเกิลมัม ควรต้องควบคุมความคิดและจิตใจของเราเองให้ได้ก่อน เมื่อใจนิ่ง จะช่วยทำให้เราตั้งรับสิ่งที่จะตามมาได้นั่นเองค่ะ โดยมีวิธีดังนี้
- Single Mom ตั้งสติ
ความคิดของตัวเองห้ามได้ยาก เผลอนิดเดียวก็คิดวนไปเรื่อยๆ คิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว แต่เราควรจะพยายามนึกให้ได้ และรู้ให้ทันว่า ความคิดของเราตอนนี้เป็นแบบไหน เพียงแค่รู้ทันความคิดของตัวเอง ก็สามารถหยุดคิดได้ชั่วคราว และถ้าเราหมั่นรู้ทันจิตใจของตัวเองได้บ่อย ๆ เราจะหยุดคิดได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งการรู้ทันความคิดของตัวเองแบบนี้ เรียกว่ามีสติค่ะ
- Single Mom คิดเชิงบวก
เมื่อเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน สถานการณ์ก็เปลี่ยน ให้เรามองหลาย ๆ มุม เพราะบางทีมุมมืดก็มีสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่มากมาย เพียงแค่เราจะมองเห็นหรือไม่เท่านั้นเอง เริ่มต้นด้วยการคิดเชิงบวก นึกถึงแต่ข้อดีของการเป็นครอบครัวแบบนี้ให้ได้ก่อน เพราะการคิดในแง่ดีจะช่วยให้เราประคับประคองชีวิตฝ่าวิกฤตได้ค่ะ
- Single Mom ปล่อยวาง
อย่ากังวลกับเรื่องเล็กน้อย ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ดูแค่ว่าเรื่องพื้นฐานหรือที่จำเป็นในชีวิตของเรากับลูกไม่ขาดตกบกพร่อง เช่น ลูกกินข้าวหรือยัง ให้ความรักลูกพอไหม ฯลฯ พอแล้วค่ะ แต่ถ้าบ้านจะสกปรกไปบ้างเพราะไม่มีคนช่วยดูแลก็ปล่อยไป คิดซะว่าเรื่องแค่นี้เองไม่ถึงกับคอขาดบาดตายไปหรอกค่ะ
อ่านต่อ >> 8 เคล็ดลับกับการเป็นซิงเกิลมัมอย่างมืออาชีพ คลิกหน้า 2
หากคุณต้องการจะกลายเป็นซิงเกิลมัมที่เพอร์เฟคและทำทุกอย่างให้ดีเพื่อลูก มาดูกันเลยคะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง กับ 8 เคล็ดลับกับการเป็นซิงเกิลมัมอย่างมืออาชีพ ดังต่อไปนี้
1. วางแผนอนาคตใหม่เพื่อลูก
หลังจากคุณและสามีมีเหตุให้ต้องเลิกรากัน จริงอยู่ที่ความเจ็บปวดอาจจะยังตอกย้ำจิตใจคุณอยู่ ทว่าคุณจะอ่อนแอไปมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่คุณจะต้องรับหน้าที่ต่อจากนี้ให้ดีที่สุดก็คือ การตั้งตาทำงานหาเงินเลี้ยงลูกให้ดีด้วยตัวคุณเอง สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับลูกและค่าใช้จ่ายทั้งตัวคุณด้วย หากเงินขาดเหลือจะได้ทำงานหารายได้เสริมเพื่อหาเงินเพิ่ม อนาคตของลูกและคุณจะได้ไม่ต้องอยู่กันอย่างลำบากนั่นเอง
2. ลืมอดีตที่ผิดพลาดเก่าๆ ให้หมด
สาเหตุของการเลิกรากับคนรักไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม แต่เมื่อเกิดการหย่าร้างกันแล้วก็ล้วนต้องมีแต่ภาพของอดีตเก่าๆ ตามมาวนเวียนหลอกหลอน แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้อาจจะทำให้คุณเจ็บปวดกับมันได้ทุกวัน จนกลายเป็นอุปสรรคที่คอยบั่นทอนจิตใจคุณได้เสมอ แต่อย่าลืมนะคะว่าปัจจุบันสิ่งที่ควรคิดถึงให้มากที่สุดก็คือลูกของคุณ ดังนั้น จงลบลืมอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดซะ เพื่อจะได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
3. จงยอมรับความอ่อนไหวของตัวเอง
ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนไหวและอ่อนแอง่าย จริงอยู่ที่ในบางครั้งการเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอาจจะทำให้คุณต้องกลายเป็นผู้หญิงแกร่งในพริบตา แต่ขณะเดียวกัน ในบางมุมคุณเองก็ต้องการปลดปล่อยและต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นอยู่บ้าง ดังนั้น จงอย่าปิดใจตัวเอง ลองเปิดใจรับการช่วยเหลือจากคนอื่นๆ บ้างซึ่งมันอาจทำให้คุณรู้สึกมีแรงใจกลับมามากขึ้นด้วย
4. หาเวลาพาลูกไปเจอพ่อของเขาบ้าง
ต่อให้คุณเลี้ยงลูกได้ดีแค่ไหน แต่อย่างไรแล้วลูกเองก็ต้องการพบเจอพ่อของเขาบ้างอยู่ดี ดังนั้น นี่อาจจะเป็นไออุ่นบางอย่างที่ขาดหายไป หากเป็นไปได้คุณก็ควรจะพาเขาไปพบเจอพ่อของเขาบ้าง เพื่อให้เขากลายเป็นเด็กที่มีความสุข และไม่มีปมด้อยภายในหัวใจด้วย
อ่านต่อ >> 8 เคล็ดลับกับการเป็นซิงเกิลมัมอย่างมืออาชีพ ข้อ 5-8 คลิกหน้า 3
5. สร้างบรรยากาศดีๆ ในการอยู่กับลูกเสมอ
ท่ามกลางบรรยากาศภายในบ้านที่คุณจะต้องอยู่กับลูกสองคน แนะนำให้สร้างบรรยากาศดีๆ เข้าไว้ และควรใช้คำพูดจาที่อ่อนโยนต่อเขาเสมอ อีกทั้งควรพูดคุยกับลูกได้ทุกเรื่อง ไม่ควรให้ลูกอยู่อย่างเด็กเก็บกดอึดอัด แม้ว่าคุณจะทำงานเหนื่อยหนักแค่ไหนก็ต้องก็ควรหาเวลามาอยู่กับเขาบ้าง สร้างเสียงหัวเราะให้กันหรือทำอาหารทานร่วมกันโดยมีเขาอยู่ด้วยใกล้ๆ แค่นี้ก็เติมเต็มความสุขให้ลูกอบอุ่นใจได้แล้วค่ะ และอย่าเล่าพูดถึงสามีของคุณในทางที่ไม่ดีต่อหน้าลูก ๆ แต่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณที่จะเป็นข้อคิดดี ๆ ให้พวกเขาได้บ้างจะดีกว่า
6. อยู่แบบเปิดใจกัน
การเลี้ยงลูกโดยที่คุณและลูกสามารถเปิดใจให้รับรู้กันและกันได้ จะช่วยทำให้ลูกของคุณไม่รู้สึกอึดอัด พูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างไม่ต้องเขินอาย นอกจากจะช่วยให้สัมผัสถึงความรู้สึกที่มีต่อกันได้แล้ว ยังช่วยทำให้คุณแม่และคุณลูกสนิทสนมกันมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังช่วยทำให้ลูกของคุณไม่แอบไปเศร้าเสียใจคนเดียวหรือโกหกคุณเวลาจะทำอะไร เพราะเขาสามารถระบายทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณฟังได้
7. ให้เวลากับตัวเอง
หากคุณหาเวลาว่าง ๆ เพื่อใช้เวลาอยู่กับตัวเอง คิดทบทวนถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิตอย่างไม่ฟูมฟาย จะช่วยทำให้แผลใจที่คุณมีนั้น หายไปในเร็ววันมากขึ้น ลองนึกถึงตัวเองกับลูกเยอะ ๆ และลืมเรื่องราวของคนรอบข้างไปบ้าง จะช่วยทำให้คุณกลายเป็นซิงเกิลมัมที่แฮปปี้กับลูกได้อย่างน่าอิจฉาเลย
8. ระวังเรื่องการพูดจากับลูก
เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณต้องการให้ลูกให้ความเคารพและระลึกถึงคุณความดีที่คุณมีให้แก่พวกเขา แต่ไม่ใช่ว่าคุณต้องมาคอยบ่นคอยว่าต่อหน้าพวกเขาเหมือนเป็นการทวงบุญคุณ หรือหยิบยกเรื่องราวที่แสนลำบากในการเลี้ยงลูกมาบอกพวกเขาเพื่อให้พวกเขารู้สึกระลึกถึงบุญคุณ นั่นจะกลายเป็นว่าลูกจะรู้สึกแย่มากกว่าจะเคารพนับถือคุณด้วยความจริงใจเสียอีก ฉะนั้นระมัดระวังเรื่องการพูดจาและการใช้โทนเสียงให้ดี ๆ อย่าทำให้พวกเขารู้สึกกดดันเลยดีกว่า
บางครั้งเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงไหมคะ กับการเป็นซิงเกิลมัมที่จะต้องรับภาระหน้าที่เลี้ยงดูลูกเองคนเดียว โดยไม่มีพ่อของเขาอยู่ด้วย แต่ผู้หญิงเราสมัยนี้ยอมรับว่าเก่งกันมากขึ้น จึงไม่แปลกเลยค่ะหากเราจะเห็นสาวๆ ยุคใหม่ทำงานเลี้ยงลูกให้มีอนาคตที่ดีได้ไม่แพ้ผู้ชาย
การเป็นซิงเกิลมัมที่แสนจะเพอร์เฟคนั้นทำได้ไม่ยากเลย เริ่มจากตัวคุณก่อน เพราะหากคุณโอเคกับสถานะที่เป็นอยู่ ลูกของคุณก็พลอยจะมีความสุขไปด้วย และคำแนะนำดังกล่าวก็ย่อมทำให้ผู้หญิงอีกหลายคนที่กำลังไม่มั่นใจเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ให้กลับมาเข้มแข็งและมั่นใจอีกครั้งได้อย่างหมดกังวลแน่นอน
อย่างไรก็ตาม Amarin Baby & Kids ขอเป็นกำลังใจให้ซิงเกิลมัมทุกคนเลยแล้วกันนะคะ 🙂
ขอบคุณข้อมูลจาก : baby.kapook.com ,beautifulstarthere.com