เปิดเทอมวันแรก ของลูก เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่สุดของทั้งพ่อแม่ และลูกน้อย เพราะ วันเปิดเทอมเป็นการไปโรงเรียนวันแรกของลูกที่เขาจะต้องออกไปเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ นอกบ้าน ไม่ได้อยู่กับคนที่คุ้นเคยกับเขาทั้งวัน เรามีคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการพาลูกไปโรงเรียนในวันแรก ให้ผ่านไปได้ด้วยดีมาฝากค่ะ
เปิดเทอมวันแรก ของลูก หมอเชื่อว่าเป็นหนึ่งวันสำคัญที่สุดของชีวิตคนเป็นพ่อเป็นแม่ ถือได้ว่าเป็นวันแรกของชีวิตใครหลายๆ คนเลยทีเดียว วันเปิดเทอมเป็นการไปโรงเรียนวัน แรกของลูกเป็นวันที่ลูกจะต้องออกจากอ้อมอกเราไปอยู่กับคนอื่น โดยที่ไม่มีเราอยู่ด้วย เชื่อว่าใครเคยผ่านประสบการณ์นั้นมาก่อน คงยังจำกันได้ว่าสำหรับลูกแล้ว วันนั้นช่างน่าตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกใจหาย กังวลอยู่ไม่น้อยอย่าว่าแต่ลูกเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่เองก็คงจะรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน (หรือเผลอๆอาจจะมากกว่าลูกเสียอีก) และเพื่อให้วันแรกของโรงเรียนผ่านไปได้ด้วยดี หมอมีข้อแนะนำคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ดังนี้ค่ะ
- พาลูกไปเข้าโรงเรียนในอายุที่เหมาะสม คือราวๆ 2 ขวบครึ่งเป็นต้นไปค่ะ เพราะเป็นช่วงวัยที่พัฒนาการของลูกจะอยู่ในระดับพอจะดูแลตัวเองได้ สามารถสื่อสารบอกความต้องการ เช่น หิว เจ็บ อยากเข้าห้องน้ำ และช่วยเหลือตัวเองได้ อย่างตักข้าวใส่ปาก ดื่มน้ำจากแก้วได้ ซึ่งหากขาดความสามารถเหล่านี้แล้ว ยิ่งบวกกับคุณครูต้องดูแลเด็กหลายๆ คนพร้อมกัน หากไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองต้องการอะไร หรือ ต้องรอคอยคุณครูให้มาทำอะไรบางอย่างให้ เนื่องจากยังทำเองไม่เป็น ย่อมทำให้ลูกรู้สึกเครียดค่ะ
- ร้องไห้เพราะกลัว ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อถึงวันแรกของการเปิดเรียน น่าจะเกือบร้อยทั้งร้อยของนักเรียนใหม่ที่จะต้อง “ร้องไห้” หาคุณพ่อคุณแม่ที่มาส่งเขา ซึ่งนั่นเป็นความรู้สึกกลัวกังวลตาม “ปกติ” ของเด็ก ที่ไม่เคยแยกจากผู้ปกครองมาก่อน ไม่ได้หมายความว่าเขาเจ็บปวดรวดร้าวหรือทุกข์ทรมานแสนสาหัสจนฝังใจกลายเป็นบาดแผลที่มิอาจลบเลือนได้เด็กแค่รู้สึกกลัวแค่กังวล ธรรมดาเท่านั้นเองค่ะ ดังนั้นเมื่อส่งลูกถึงมือคุณครูเสร็จแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ควรบอกเขาแค่เพียงสั้นๆ ว่า บ่ายนี้เจอกันนะคะ พอหนูตื่นมาแม่ก็จะมารับนะ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินออกมาเลยค่ะอ่านต่อ คลิกหน้า 2
ในวันเปิดเทอมวันแรกที่ลูกร้องไห้จ้า หากคุณวิตกกังวล หมอแนะนำว่ายิ่งต้องไม่หันหน้ากลับไปมองเขาค่ะ เพราะหากลูกได้เห็นสีหน้าแววตาที่วิตกกังวลของคุณ เขาจะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
- เด็กจะซึมลงในช่วงวันแรกๆ ของการไปโรงเรียน จากที่เคยร่าเริงซ่าแก่นเซี้ยวในบ้าน ก็กลายเป็นคนจ๋อยๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา หรือ ฝันร้าย หมออยากให้กำลังใจว่า ขอให้ใจเย็นๆก่อนนะคะ เพราะบ่อยมากทีเดียวที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นเป็นกระบวนการปรับตัวตามปกติของเด็ก
จากเดิมเคยอยู่ในบ้านซึ่งไม่ค่อยมีระเบียบวินัย จะทำอะไรก็ได้ จะกินจะนอนเมื่อไหร่ผู้ใหญ่ทุกคนก็ต้องตามใจฉัน พอต้องไปโรงเรียนที่ต้องมีระเบียบวินัย ต้องหัดช่วยเหลือตัวเอง โดยไม่มีใครมาคอยเอาอกเอาใจเหมือนแต่ก่อนก็อาจทำให้เขาดูจ๋อยๆ สักพักหนึ่งเหมือนกันค่ะ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป หากลูกเริ่มปรับตัวได้ เริ่มเข้าใจและปฏิบัติตามกฏระเบียบที่โรงเรียนดีขึ้น ที่สำคัญคือ เมื่อเริ่มคุ้นกับครูและเพื่อนๆที่โรงเรียนมากขึ้นเมื่อไหร่ รับรองว่าคุณจะต้องเปลี่ยนไปขอร้องเขาให้กลับบ้านแทบจะทุกเย็นหลังเลิกเรียนอย่างแน่นอนค่ะ
พญ. พรพิมล นาคพงศ์พันธุ์
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่
เจ้าของเพจ “เลี้ยงลูกให้เป็นคนปกติ”