เรื่องเล่าพร้อมการวิเคราะห์ปัญหาเด็กจากประสบการณ์ตรงของ น้องเชาว์ ซึ่งเป็นเด็กพิเศษแอสเพอร์เกอร์ (กลุ่มออทิสติก) ปัจจุบันมีอาชีพเป็นคุณครูสอนพิเศษให้กับเด็กๆ จึงได้พบกับพฤติกรรมเด็กและพฤติกรรมพ่อแม่ ที่จะสุดแสนจะปวดหัว บางปัญหาเหมือนจะไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นปัญหาใหญ่ที่พ่อแม่ทำให้ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหาโดยไม่รู้ตัวจากการ เลี้ยงลูกดีเกินไป
จากตอนที่แล้ว น้องเชาว์ได้ถ่ายทอดประสบการณ์จริง 10 เคส เลี้ยงลูกดี แต่กลับทำให้เป็นเด็กมีปัญหา ซึ่งตรงกับพฤติกรรมพ่อแม่หลายครอบครัว แต่ปัญหาที่เขาพบยังไม่หมดแค่นั้น น้องเชาว์จึงได้รวบรวมอีก 10 เคส ของการเลี้ยงลูก ที่ดูเหมือนจะดี แต่ทำให้ลูกเป็นเด็กมีปัญหา มาบอกเล่า พร้อมวิเคราะห์ปัญหาไว้อย่างน่าสนใจทีเดียวค่ะ
1.สอนลูกให้คิดเป็นแต่ทำไมคิดไม่ถูกเสียที
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมตอนเข้ามาทำงานเป็นครูสอนหนังสือใหม่ๆ ก็เจอกับเคสนี้เข้า มีเด็กเข้ามาน้ำตาซึมอยู่หน้าห้องที่เราพักอยู่ ผมเห็นเค้าไม่กล้าเข้ามา จึงเดินไปถามเด็กคนนี้ว่าเป็นอะไร เด็กก็ไม่ยอมตอบ ผมก็พยายามถามอีกครั้งด้วยด้วยน้ำเสียงดีๆ เด็กเค้าตอบมาว่า “ผมมีเรื่องรู้สึกไม่ดี ผมตอบอย่างนี้ถูกไหมครับ” ผมสงสัยว่าก็แค่บอก มันจะมีเรื่องผิดตรงไหน คนเราสนทนากันไม่เห็นต้องอะไรมากเลยนี่ ครูครับ ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ทำไมผมต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย และเด็กคนนี้ก็เล่าให้ฟังตอนอยู่กับแม่ แม่เค้าชอบตั้งคำถามให้ลูกเค้าคิดอยู่เสมอ คำถามก็เป็นเรื่องทั่วไป เช่น พรุ่งนี้ครูจะสอนวิชาอะไรบ้าง ครูเค้าให้เอกสารมาหนูมา หนูตอบว่าอย่างไร ฟังดูแล้วแม่ฝึกให้ลูกตอบคำถามเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ว่าหลังจากที่ตอบไป ทำไมต้องตอบแบบนี้ มันผิด ต้องตอบแบบนี้ ลูกตอบแบบนี้ไม่ได้นะ คนอื่นเค้าจะคิดกับแม่อย่างไร สุดท้ายแม่ก็จะบอกว่า ทีหลังต้องตอบแบบนี้ บลาๆๆๆ เข้าใจไหม ฟังดูแล้วจะอะไรขนาดนั้นกับแค่เด็กตอบเรื่องราว หนักสุด อย่างคำถาม พรุ่งนี้ครูจะสอนวิชาอะไร เด็กเค้าตอบว่า ก็มีวิชาคณิตศาสตร์ สังคม ภาษาไทย แม่เด็กตอบว่า ทำไมต้องมีก็ แสดงว่าลูกโดดเรียนจึงจำวิชาที่ตนเองเรียนไม่ได้ใช่ไหม คือ แปลกันเป็นคำเลยละ เด็กแค่เด็ก ป.3 เอง
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก เกิดจากที่แม่เด็กชอบตั้งคำถามให้เด็กตอบ แต่คำตอบนั้นต้องตามความคิดตนเองเท่านั้น และดูเหมือนว่าแม่เด็กจะเอาแต่ใจ อยากให้ทุกอย่างได้ดังใจ ทำให้เด็กเกิดจากความรู้สึกกลัวการตอบคำถามและการกระทำใดๆมาก กลัวจนกระทั่งส่งผลมาถึงโรงเรียน กลัวการตอบผิดมาก และยังส่งผลในเด็กไม่มีความมั่นใจในตนเอง คือ ทำอะไรจะต้องถามคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวทำผิดพลาดแล้วจะโดนว่าให้เจ็บชำน้ำใจอีก ผมมองลึกลงไป เด็กจึงไม่กล้าเข้าหาคนอื่นอีกด้วย
2.ฉันเก็บเงินอย่างเก่งแต่เงินไม่เหลือเลย
เคสนี้เป็นเคสที่ ผมมองว่าน่าจะมีปัญหาน้อยที่สุด แต่แล้วมันไม่ใช่อย่านั้น มีเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ชอบเอาของเล่นราคาแพงๆ มาบ่อยๆ แต่ก็ไม่บ่อยมากจนเกินไป ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพื่อนครูเล่าให้ผมฟังว่า เด็กคนนี้ชอบเอาของเล่นราคาแพงมาประจำ ทั้งหุ่นยนต์ รถบังคับวิทยุ และอื่นๆ อีกมากมาย ครูเค้าได้สอบถามพ่อแม่ผู้ปกครอง เค้าบอกว่า เด็กเก็บเงินซื้อเองนะ แม่เค้าจะสอนว่าอยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง ต้องรู้จักประหยัด อดออม ผมเลยไม่รอช้า รีบไปสังเกตพฤติกรรมเด็กคนนี้เลย เด็กคนนี้ ปกติในชีวิตประจำวัน เค้าจะเก็บเงินที่แม่ให้มาวันละ 50 บาท ไม่ซื้ออะไรเลย เก็บทุกวัน จนเงินพอซื้อของเล่นที่ตนเองอยากได้ มีอยู่ช่วงหนึ่งได้เจอกับผู้ปกครองของเด็กคนนี้ เค้าบอกกับผมว่า เนี่ยคุณแม่คือคนสร้างวินัยให้เค้าเก็บเงินเอง โดยที่ไม่มีการขอเพิ่ม บางทีเห็นเค้าอยากได้อะไร ก็มีความมุ่งมานะมาก แต่ที่แปลกคือ พอได้มาแล้วเล่น 2-3 วันก็เลิก เก็บไว้ให้บ้านเต็มเลย ผมเลยถามไปว่า และน้องเค้าไม่ได้กินอะไรเลยจะดีหรอครับ แม่เค้าบอกว่า น้องเค้าได้กินนะ แม่ให้เค้าวันละ 50 บาท ก็เหลือกลับมาเป็นเศษเหรียญและแบงค์บางวัน ที่เหลือกลับมาเต็มๆ ไม่ค่อยเห็น เพราะถ้าเห็นคุณแม่ก็จะดุเค้าบ่อยๆ ว่าไม่เก็บเงินจนไม่ได้กินอะไรนะ ก็บอกแบบนั้น ผมเลยเข้าใจเลยว่า เด็กเก็บเงินอย่างไรจึงซื้อของเล่นแพงๆ ได้ขนาดนั้น
(บทความแนะนำ เทคนิคขั้นเทพ ฝึกลูกเหลือเก็บเงินค่าขนม)
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก เกิดจากความอยากได้ของเล่นของเด็ก แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องเก็บเงินซื้อด้วยตัวเอง ก็เลยเก็บเงินโดยไม่สนถึงความจำเป็นและอยากได้จริงๆ คือตอนเก็บมีความอยากได้ก็เลยใช้ความพยายามมากมาย อดทนเก็บจนสำเร็จ แล้วซื้อของเล่นชิ้นนั้นด้วยตัวตนเอง เด็กเกิดความภาคภูมิใจ แต่หลังจากนั้นการตอบสนองความอยากมันมากขึ้นไปอีก เด็กก็เลยใช้ความพยายามในทางที่ไม่สมควรมากขึ้น ด้วยการเก็บเงินจนตัวเองไม่ได้กินอะไรเลย แถมผมยังสืบรู้ความจริงว่า เด็กแอบซ่อนเงินไว้ในโรงเรียนและยังบอกให้เพื่อนร่วมหุ้นกันซื้ออีก สิ่งที่ทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมนี้ เกิดจากพ่อแม่ดูแลไม่ละเอียดเท่าไรนัก พลาดเรื่องการสอนความจำเป็นที่จะต้องเสียเงิน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “10 เคส เลี้ยงลูกดี แต่กลับทำให้เป็นเด็กมีปัญหา” คลิกหน้า 2
3.จุดจบสายช็อปพัฒนาการของแม่ฉัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ปกครองท่านหนึ่งมาปรึกษาผมหลายๆ อย่าง เกี่ยวกับพัฒนาการลูกของเค้า ในหลายๆ ครั้งที่ผู้ปกครองท่านนี้พยายามส่งเสริมพัฒนาการของเด็กให้ดีขึ้น สมัยเด็กๆ ก็พาไปเรียน เล่นกีฬา เข้ากิจกรรมหลายๆ อย่าง เพื่อดูว่าลูกตนเองชอบอะไร แล้วให้ตัดสินใจ ตระเวนหากิจกรรมเรียนพิเศษ ดนตรี ศิลปะ กีฬา เพื่อดูว่าลูกชอบกิจกรรมไหน ผมก็เลยถามผู้ปกครองว่าได้บังคับลูกเรียนหรือเปล่า เค้าเล่าว่า ตัวเค้าเองไม่อยากบังคับลูกเรียนหรือทำกิจกรรมมากเกินไป ส่วนใหญ่ก็จะพูดโน้มน้าวใจให้อยากทำมากกว่า สิ่งที่ผู้ปกครองคนนี้ทำเหมือนจะดีนะ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด เด็กรู้สึกสับสนมากๆ รู้สึกกังวล ผมลองถามเด็กหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการตัดสินใจ ปรากฎว่าเด็กตอบไม่ได้เลย ผมก็เลยพอที่จะเดาออกเลยว่า คือ ผู้ปกครองพยายามส่งลูกเรียนสิ่งต่างๆ มากมาย ในช่วงที่เรียนเด็กเกิดความชอบอยากเรียนต่อ แต่ก็โดนผู้ปกครองโน้มน้าวใจให้ไปเรียนแบบอื่นบ้านวนกันไปเรื่อยๆ ให้เด็กเกิดทักษะหลายอย่าง ซึ่งผลลัพธ์มันน่าจะออกมาดี ผมลองให้เด็กแสดงความสามารถด้านต่างๆ ออกมา เด็กก็ทำออกมาได้ดีมากๆ จนเก่งแทบทุกด้านเลยละ คำพูดที่เด็กพูดมามันทำให้ผมรู้สึกสะอึก เด็กพูดว่า หนูไม่เก่งใช่ไหม แม่หนูจึงให้หนูเรียนทุกอย่าง หนูไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหนูควรชอบอะไรดี
(บทความแนะนำ ชั่วโมงเรียนพิเศษ แบบแม่ๆลูกๆ)
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก ปัญหานี้เกิดจากที่ผู้ปกครองได้พาลูกไปเรียนเสริมต่างๆ ตั้งแต่เด็ก ประเด็นสำคัญคือ การเรียนเสริม มันไม่ต่อเนื่อง คือเรียนแล้วหยุดไปและไปเรียนอย่างอื่นไปเรื่อย โดยไม่ดูความสามารถของเด็กที่ว่าเด็กเรียนแล้วชอบอะไร ผู้ปกครองต้องการให้ลูกตนเองเก่งทุกด้าน มีต้นทุนที่สูงและเพิ่มโอกาสให้ลูกตัดสินใจมากมาย แต่ในตัวเด็กเองก็แยกไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรได้ดีหรือชอบเพราะ ผู้ปกครองให้แต่ข้อมูลที่จะโน้มน้าวจิตใจตัวเด็กเพียงเท่านั้น เด็กจึงเกิดความสับสน ไม่เข้าใจตัวเองว่า ตัวเองชอบอะไรรักสิ่งไหน เพราะทำได้ดีทั้งหมด จึงกังวน หากเป็นอย่างนี้จนโต เด็กจะไม่สามารถตั้งเป้าหมายว่า ตัวเองจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จได้
4.ฉันมีสัมมาคารวะตลอดแต่ทำไมคนรอบข้างเกลียดฉัน
เคสนี้จริงๆ แล้วหลายอย่างเกิดในภาวะตัวเด็กด้วย คือพ่อแม่เด็กคนนี้เค้าปลูกฝังให้ลูกรู้จัก สวัสดี ขอบคุณ ขอโทษ ปัญหามันอยู่ตรงคำขอโทษ เนี้ยละ ผมได้รับเคสนี้มาจากในโรงเรียนแห่งนึง ผมก็เลยสังเกตพฤติกรรมของเด็กคนนี้ ก็พบว่า เวลาเด็กคนนี้ทำอะไรผิดก็จะขอโทษเสมอ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาคือ เด็กคนนี้ชอบแกล้งเพื่อน เช่น เอารองเท้าเพื่อนไปซ่อน พอจับได้ก็บอกครูว่า ผมขอโทษครับ แรกๆ ครูก็ฟังกัน ไม่ว่าอะไรแต่ตอนหลัง การกระทำของเด็กคนนี้ไม่ได้ปรับพฤติกรรมตนเองเลย มีปัญหาชกต่อยกับเพื่อน แกล้งเอาสมุดคณิตศาสตร์ไปซ่อน คือผมเห็นแล้วก็หงุดหงิดมาก จับได้ก็จบด้วยการขอโทษ ครูทุกคนก็ไม่ชอบขี้หน้าเด็กคนนี้ วันหนึ่งก็เรียกพ่อแม่มาพบ ก็มีปากเสียงกัน ก็เด็กมันขอโทษแล้วนี่ ลูกของฉันมีสัมมาคารวะตลอด จะอภัยให้เด็กหน่อยไม่ได้หรอ แต่มันก็หลายครั้งแล้วนะ เด็กคนนี้หลังๆ ก็เอาแต่ร้องไห้ ผมเลยเข้าไปปลอบ ครูครับ ผมผิดตรงไหนละ ผมไม่เข้าใจ แม่ผมก็บอกว่า ทำผิดอะไรก็ขอโทษไม่ใช่หรอ แม่ผมสอนว่าถ้าทำผิดแล้วขอโทษจะได้รับการอภัย แม้กระทั้งสารภาพบาปก็จะได้รับการอภัย (คือเด็กเป็นคริสต์) จริงๆ พ่อแม่ยังไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เลย
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก ในเรื่องของการมีสัมมาคารวะ บางครั้งต้องสอนให้เข้าใจด้วยว่า มันมีเรื่องของการกระทำมาเกี่ยวข้องด้วย เด็กคนนี้ใช้คำขอโทษเป็นเครื่องมือในการแกล้งคนอื่นและก่อเรื่องไม่ดีและคิดว่าคำขอโทษสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ จริงๆ แล้วมันมีเรื่องของการกระทำด้วย คำขอโทษใช้กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่บางครั้งสิ่งที่พ่อแม่สอนคือ การสอนที่ไม่เน้นการกระทำ ไม่ชี้ให้เด็กเห็นผลของการกระทำต่างๆ พอนานเข้าเด็กก็จะไม่เข้าใจ และเครียดว่าทำไมมีแต่คนไม่ชอบ ไม่มีความสุขเพราะคิดไม่ออกนอกจากคำขอโทษ ยังมีวิธีการแก้ปัญหาอื่นๆ อีก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “10 เคส เลี้ยงลูกดี แต่กลับทำให้เป็นเด็กมีปัญหา” คลิกหน้า 3
5.ครอบครัวฉันอบอุ่น ทำไมฉันร้องไห้ทุกวัน
เรื่องของเด็กคนนี้ ผมมานั่งคิดว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง เราแทบคาดเดาผลลัพธ์ที่จะออกมาไม่ได้จริงๆ เด็กคนนี้เค้าจะชอบคุยกับผมเป็นประจำ แต่ก่อนพ่อแม่เค้ากลุ้มใจมากว่า ทำไมเลี้ยงลูกเอาใจใส่ทุกอย่าง กลับกลายเป็นว่าเด็กกลายเป็นเด็กที่ซึมเศร้า วันๆ อยู่ในห้องคนเดียว ไม่คุยกับใคร น้ำตาเด็กไหลทุกวัน ผมได้รับรู้เรื่องราวจึงอยากเข้าไปคุยด้วยกับเด็กคนนี้ แต่เด็กเค้าคุยได้น้อยมาก มีอยู่วันหนึ่งผมได้เจอแม่ของเด็กคนนี้ แม่เค้าเล่าว่า แม่ไม่เข้าใจ ลูกเป็นเด็กซึมเศร้าได้อย่างไร ทั้งๆที่ ถาม ดูแลเอาใจใส่ทุกอย่าง เที่ยวก็พาไปเที่ยว เลี้ยงลูกมาเนี้ย รักลูกมาก กอด หอมทุกวัน ดูแลสอนการบ้านให้ อะไรให้ทุกอย่าง เวลาลูกทำผิดก็อบรมสั่งสอนพอควร แม่ไม่เข้าใจ ทำไมลูกจึงเป็นซึมเศร้าได้ ผมก็เลยเริ่มหาข้อมูลของเด็กคนนี้ ดูและโทรถามพฤติกรรมกับแม่เค้าตลอด หาเหตุปัจจัยที่เป็นซึมเศร้าไม่พบ ซึ่งผมก็ลองหาข้อมูล จนกระทั่งผมหาเจอข้อมูลหนึ่งเข้าในระหว่างที่คุยกับเด็กคนนี้ หนูรู้สึกอึดอัดใช่เปล่า ผมถามเด็ก เด็กก็ไม่ตอบ ครูรู้นะว่าหนูชอบอะไร เด็กก็เงียบ หนูชอบก๋วยเตี๋ยวน้ำตกใช่ไหม สักพักเด็กน้ำตาเริ่มไหล ครู หนูอยากอยู่กับครูนะ ผมเข้าใจนะเดี๋ยวนั้นเลยว่าทำไมเด็กจึงเป็นโรคซึมเศร้า
(บทความแนะนำ ประสบการณ์ของคุณพ่อ เมื่อพบว่าลูกเปลี่ยนไป)
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก เด็กคนนี้สาเหตุที่เด็กคนนี้เป็นโรคซึมเศร้า มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ยากนะ เด็กคนนี้เป็นโรคซึมเศร้าเพราะพ่อแม่เดาใจลูกไม่ถูก ในหลายๆ ครั้ง พ่อแม่มักสังเกตพฤติกรรมลูกและคิดว่า ลูกคงต้องชอบอย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆ ในเรื่องของการวิเคราะห์ ถ้าพ่อแม่วิเคราะห์ไม่เก่ง เท่าไรและเด็กไม่ค่อยอบอุ่น ปัญหาเหล่านี้จะไม่มี แต่กับครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก พ่อแม่ที่เดาใจลูกไม่ได้ ก็เหมือนกับลูกได้ขาดความอบอุ่นทางจิตใจ เสมือนเหมือนโดนตี มันเจ็บกว่ามาก เรื่องเหล่านี้อาจจะยาก ผมได้อธิบายพ่อแม่ไป พักหลังๆ เด็กสดใสมากขึ้นดีขึ้นละครับ
6.ลูกของฉันว่านอนสอนง่ายจริงหรือ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัวหนึ่งในโรงเรียน จริงๆ ผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเด็กหรอก เพียงแต่ว่าวันนั้นใช้เด็กคนนี้ส่งเอกสารให้ห้องธุรการเพราะเราติดสอนอยู่ ปัญหาอยู่ที่ว่าเด็กคนนี้ส่งเอกสารผิดที่ จนห้องธุรการถามผม ผมก็เลยไปถามเด็กคนนี้ ว่าทำไมถึงไปส่งเอกสารผิด เด็กบอกว่าก็ครูบอกให้ส่งห้องธุรการ ผมก็เอาไปส่งให้ เด็กดันไปส่งที่โต๊ะใครก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เราก็บอกโต๊ะแล้วนะ มาคราวต่อไป ไม่รู้ชะตามันถูกกันหรือไงก็ไม่รู้ เด็กคนนี้ก็เดินผ่านห้องที่ผมสอน ผมเองวันนั้นก็ดันลืมเอกสารไว้ที่ห้องธุรการ ผมก็เลยบอกให้เด็กคนนี้ไปเอา รอบนี้ผมบอกละเอียดมาก ระหว่างที่ผมสอนไปจนหมดชั่วโมง เด็กคนนี้ก็ไม่กลับมา ผมก็เลยเดินไปตามเอกสารเอง สิ่งที่ผมเห็นเด็กคนนี้ก็หาเอกสารใหญ่เลย ผมเลยถามว่า เธอไม่เห็นหรือไง เด็กตอบว่า ครับผมหาไม่เจอจริงๆ ผมเองก็เริ่มรู้สึกสงสัยว่าเด็กคนนี้ เป็นอย่างไรกันแน่ ตอนเย็นแม่เด็กคนนี้มารับ มาถึงก็สั่งเลย ลูกการบ้านเอามาหรือเปล่า ดินสอยางลบใส่กระเป๋าหรือยัง ไหนเปิดดูสิ ผมก็เลยลองถามแม่เค้าดู แม่เค้าบอกว่า เนี้ย ไม่สั่งก็ไม่ทำ ต้องสั่งอยู่ตลอดเลย งานบ้าน การบ้าน อาบน้ำ กินข้าว ก็สั่งหมด จริงๆ เค้าก็ทำตามเราทุกอย่างนะ แต่ทำไมเป็นแบบนี้เนี้ย คิดเองไม่ได้เลยหรือไง ผมก็เข้าใจทันนี้ และเดาความเป็นมาของเด็กนี้
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก เกิดจากแม่เค้าจะใช้คำสั่งให้ทำนู่น ทำนี่อยู่ตลอดเวลา เด็กคนนี้เป็นเด็กที่ไม่ต่อต้านคำสั่งก็เลยทำตามที่แม่สั่งจนได้ ไม่ว่าแม่สั่งอะไรก็ทำ พอเวลาผ่านไปแม่เด็กก็ออกคำสั่งมาขึ้นเรื่อยๆ เพราะการที่ออกคำสั่งบ่อยๆ จะทำให้เด็กคิดไม่เป็น ไม่รู้ว่าอะไรควรทำอย่างไร ดูแลตนเองไม่ได้ ปัญหาจะรุนแรงขึ้น จนกระทั่งเด็กรู้สึกอะไรก็ไม่ตอบสนอง รอคำสั่งอย่างเดียว เช่น ต้องบอกให้กินข้าว ต้องบอกให้เข้าห้องน้ำเวลาอึ ใช้ความคิดตัวเองตัดสินใจไม่ได้ ซึ่งโตขึ้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตตนเองได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “10 เคส เลี้ยงลูกดี แต่กลับทำให้เป็นเด็กมีปัญหา” คลิกหน้า 4
7.พี่น้องต้องรักกันจนฉันไม่อยากให้มันมีชีวิตอีก
เรื่องนี้เป็นเรื่องนี้แม่ของเด็กเค้าเล่าให้ฟัง เรื่องมันมีอยู่ว่า คุณแม่มีลูกสองคน แต่ไม่รู้ทำไม ลูก 2 คนชอบทะเลาะกันอยู่เรื่อยๆ เลย มีด่าทอกัน บางครั้งถึงกับจะฆ่าแกงกันเลย ผมก็เลยถามคุณแม่ว่ามีการเปรียบเทียบหรือไม่ คุณแม่เค้าบอกกับผมว่า แม่นะไม่มีการเปรียบเทียบเลย คุณแม่สอนให้พี่น้องรักกัน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน เวลาพี่หรือน้องลำบากอีกคนก็ต้องช่วยนะ ซึ่งผมมองแล้วก็นึกอยู่ในใจว่ามันเป็นเรื่องดีนะ ไม่เปรียบเทียบพี่กับน้อง วันหนึ่งผมก็ได้มีโอกาสเยี่ยมบ้านสองพี่น้องนี้ คุณแม่ก็ทำกับข้าวเป็นน่องไก่ทอด ผมสังเกตเห็นว่า คุณแม่ทำไมต้องเอาน่องไก่มาชั่งกิโลเพื่อแบ่ง ผมลองนึกๆ ดู ว่าโหคือต้องเท่าเทียมกันขนาดชั่งกิโลเลยหรอเนี้ย หลังจากคุณแม่เด็กทำกับข้าวเสร็จ ก็เรียนพี่น้องลงมากินข้าว พอเริ่มกินไม่ถึง 2 นาทีเริ่มทะเลาะกันเรื่องไก่ เนี้ยแม่ดูของพี่ได้เยอะกว่า แม่ตอบว่าก็แม่ชั่งให้เท่ากันแล้วนี่ คนน้องตอบว่าไม่เท่า เศษกรอบๆ ของพี่มีเยอะกว่า จากนั้นก็ลามไปถึงอาหารชนิดอื่นๆ และจบลงตรงที่ลุกขึ้นตบตี ต่อหน้าผมเลยละ เห็นแล้วปวดหัวแทนเลยละ หลังจากนั้นก็มีเรื่องกันอีก ทะเลาะกันเรื่องคนดูแลจนร้องไห้ ผมลองไปสืบหน้าห้องนักเรียน ได้ยินเพื่อนพูดกับน้องว่า พี่มันโง่ เธอไปช่วยดูแลมันหน่อยสิ พอนานเข้าก็เกลียดกันหนักขึ้นไปอีก มีอยู่ครั้งหนึ่งจะเอาช้อนส้อมแทงกัน ห้ามแทบไม่ทัน
(บทความแนะนำ 5 กลยุทธ์สงบศึกพี่น้อง)
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก ในพี่น้อง 2 คนนี้ คุณแม่จะปลูกผังว่าพี่น้องต้องรัก และได้อะไรต้องเหมือนๆ กัน แตกต่างไม่ได้ พี่น้องทั้ง 2 ก็เลยเรียนรู้ว่า ทุกอย่างต้องเท่าเทียบกันหมด ไม่ว่าจะทำอะไร ซึ่งคุณแม่พลาดตรงจุดนี้ คิดว่าลูกทุกคนต้องเสมอภาคกัน แต่จริงๆ แล้วการสอนให้เท่าเทียมกัน มันเป็นเรื่องยากของสังคมมนุษย์ เด็กจะไม่ยอมเสียเปรียบให้ใครเลย แถมยังเจอเรื่องของการดูถูกทางอ้อม การที่ให้พี่ช่วยเหลือน้อง หรือน้องช่วยเหลือพี่ ถ้าปลูกผังเรื่องความเท่าเทียมกันก็จะทะเลาะกัน เพราะเพื่อนแบ่งแยกเรียนอ่อน กับเรียนเก่ง เป็นการพูดที่ทำร้ายจิตใจเด็กมากๆ ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้น และก็ชอบพูดว่า ไม่อยากให้น้องมีชีวิตอีกเลย ถามฝั่งน้อง ก็ด่าพี่อีก
8.ครอบครัวของฉันมีแค่นี้ ญาติไม่ของยุ่ง
เรื่องนี้เกิดขึ้นจากเด็กคนนี้ มีญาติมาเยี่ยมบ่อย ตอนหลังๆ เด็กคนนี้เครียดมาก ร้องไห้ทุกวันเลย ผมเองก็รู้สึกเห็นใจนะกับครอบครัวนี้ คือพ่อแม่เด็กคนนี้ ตอนที่อยู่ 3 พ่อแม่ลูกเด็กก็มีความสุขมากๆ ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป แต่พอญาติมาหรือไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ตัวเด็กรู้สึกเกลียดญาติพี่น้องมากๆ จนกระทั่งมีปากมีเสียงกับญาติพี่น้องอยู่บ่อยๆ มีคนเล่ามานะว่า คือตอนที่พ่อแม่ไปหาญาติผู้ใหญ่ พ่อแม่มักจะยอมญาติผู้ใหญ่อยู่เสมอ และให้ความสำคัญกับลูกพี่ลูกน้องมากกว่าลูกตนเองเสมอ ซึ่งการที่เด็กถูกลดความสำคัญแบบนั้น ถึงจะแค่บางเวลาก็เป็นเรื่องแย่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับเด็กคนนี้ ตอนแรกก็คุยเรื่องทั่วไป สักพักก็เริ่มคุยประเด็นที่มีปัญหา เด็กเล่าประมาณว่า ครอบครัวเค้าเป็นครอบครัวที่มีญาติเยอะ แต่ก็ไม่ได้อยู่กับญาติหรอก ผมรู้สึกแย่ที่ต้องเจอญาติพี่น้อง ครูครับทำไมพ่อแม่ผมจึงต้องยอมเค้าด้วยไม่เข้าใจจริงๆ ผมเกลียดลูกพี่ลูกน้อง เกลียดทุกคนเลย ผมมีแค่พ่อกับแม่ก็พอแล้ว ผมสัมผัสได้ว่าเด็กขาดความอบอุ่นอยู่ไม่น้อยเลยละ ผมจึงปลอบใจเด็ก บางทีเรื่องของญาติมันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เด็กคนนี้เค้าคงเสียใจ
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก พ่อแม่เด็กคนนี้เค้ายอมญาติพี่น้อง ก็เลยกลายเป็นปัญหาขึ้นภายในจิตใจของเด็ก คือเวลาต่อหน้าญาติ ไม่ว่าเด็กทำอะไรที่ดี พ่อแม่เด็กจะไม่ชมต่อหน้าญาติเลย มีแต่โดนว่าต่อหน้าญาติพี่น้อง ทำให้เด็กรู้สึกว่าญาติพี่น้องเป็นต้นเหตุที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ ซึ่งการถูกลดทอนสำคัญในตัวเด็กลงแค่บางเวลา ก็เจ็บปวดทางจิตใจในตัวเด็กอย่างมากมาย เด็กจะรู้สึกว่าตัวเค้าไม่มีคุณค่ากับพ่อแม่ สิ่งที่พ่อแม่ทำก็แค่เพื่อทำให้ตัวเองดูดีในสายตาญาติพี่น้องก็เท่านั้นเอง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “10 เคส เลี้ยงลูกดี แต่กลับทำให้เป็นเด็กมีปัญหา” คลิกหน้า 5
9.หลายคนบอกว่าฉันเก่ง แต่ฉันรู้สึกโง่มากเลย
เรื่องนี้เป็นเคสเด็กที่ผมทำโครงการเพิ่มทักษะเรียนรู้อยู่ เด็กคนนี้เขาเข้ามาปรึกษาผม เค้าบอกกับตัวเองว่า ผมมันโง่มากเลยใช่ไหม ผมมันไม่เก่งเลยใช่ไหม ใจเย็นๆ ครูเข้าใจเธอนะ ระหว่างที่เด็กคนนี้เล่าความทุกข์ในใจให้ผมฟัง ผมฟังแล้วรู้สึกว่า ทำไมนะความต้องการคนเป็นพ่อแม่ไม่เคยที่จะพอใจในสิ่งที่ลูกเป็นเลย เด็กเล่าว่าตอนนั้นว่า ผมสอบได้คะแนน 25 คะแนนเต็ม 30 แล้วพ่อบอกว่าไง พ่อบอกว่า ลูกแค่นี้ก็ดีแล้วนะ แล้วเรื่องที่ยังทำไม่ได้ละ เมื่อไหร่ลูกจะทำได้ ลูกจะอยู่ในสังคมได้ไหม และผมก็ทำงานบ้านทำอะไรช่วยตลอด ผมทำได้ตั้งหลายอย่าง พ่อแม่ก็มักจะพูดเสมอ ทำได้แค่นี้เลย ต่อไปลูกจะอยู่ในสังคมได้อย่างไรละ และก็มีไอ้เรื่องนี้ทำได้ และเรื่องอื่นละ คือทำอะไรพ่อแม่ผมไม่เคยชมสักอย่างเดียว มีแต่ว่ากับว่า ถามจริงครับครู คนเราอยู่ในสังคมได้ คือต้องเก่งทุกอย่าง ทุกด้านใช่ไหม ผมฟังแล้วรู้สึกว่า ทำไมนะการที่เด็กมีความพร้อมในใช้ชีวิต ต้องเตรียมการหนักขนาดนี้เลยหรอ ผมก็ได้แต่นึกอยู่ในใจว่า ทำไมไม่ทำให้เด็กรู้สึกภูมิใจเลยหรอ พ่อแม่หลายคนประสบการณ์เยอะ ผ่านชีวิตมาก็เยอะ แต่การที่จะชมได้เด็กภูมิใจก็เป็นสิ่งจำเป็นเหมือนกัน
(บทความแนะนำ ชมลูกอย่างไรให้ถูกวิธี?)
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก คือพ่อแม่ของเด็กมีความตั้งใจอยากให้ลูกใช้ชีวิตให้ได้ด้วยตนเอง อย่างสบบูรณ์แบบ หมายความว่าบริหารชีวิตได้อย่างดีไม่มีปัญหาเลย โดยไม่สนใจเลยว่าสภาพจิตใจเด็กจะรู้สึกต้อยต่ำเพียงใด พ่อแม่มักกระตุ้นให้ลูกรู้สึกว่า ทุกสิ่งอย่างมันไม่สมบูรณ์แบบ ต้องพยายามต่อทุกเรื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิตที่มีรูปแบบต่างๆ ตามประสบการณ์ที่ตนได้รับความยากลำบากมา และป้องกันความผิดพลาดที่ลูกตนเองจะเกิดขึ้นเหมือนกับตนเอง ผลก็คือ เด็กเก่งแต่รู้สึกต้อยต่ำในชีวิตตนเอง
10.คิดบวกๆ +++ ชีวิตฉันมีแต่ความทุกข์
เรื่องทัศนคติของมนุษย์เนี้ย อะไรที่มีมากไปก็ไม่ดีจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กในโรงเรียนคนนึ่ง ที่โดนเพื่อนแกล้งเป็นประจำ จนเด็กรู้สึกไม่อยากมาโรงเรียน ครูส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเห็น ผมเองก็ไม่รู้เช่นกัน มีอยู่วันหนึ่ง ผมได้ไปเข้าห้องน้ำเด็กนักเรียน คือตอนนั้นมันปวดไม่ไหวจริงๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะ หน้าห้องน้ำ นี่แกเอาเงินมา ถ้าไม่เอามาฉันจะจับแมลงสาบใส่เธอ และก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ผมรีบออกมาดู เด็กคนที่ทำก็กลัวกัน ไม่ทำต่อ ปรากฏว่าแมลงสาบที่ใส่เป็นของปลอม เด็กคนที่ถูกแกล้งร้องไห้หนักมาก ผมจึงพาไปที่โต๊ะทำงานที่ห้องพักครูเพื่อสอบถามเรื่องราวว่า มีความเป็นมาอย่างไร เด็กบอกว่า หนูถูกเพื่อนแกล้งประจำละและฟ้องใครก็ไม่มีใครช่วยให้ดีขึ้นเลย หนูโดนเพื่อนจับขังในห้องน้ำนักเรียน โดนเพื่อนเอาน้ำสาดใส่เสื้อเปียกตอนเย็น ถูกขโมยของทุกอย่าง โดนขีดหนังสือด้วย หนูอยากตายนะครู ผมฟังแล้วรู้สึกว่า แม่ไม่ฟังลูกบ้างเลยหรือ เด็กเล่าต่อ หนูละบอกแม่ทุกครั้ง แม่มักจะพูดว่า ไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวก็ผ่านไป สู้ๆนะ พอลูกโดนขโมยตัง ก็บอกว่าไม่เป็นไร เพื่อนเค้าคงอยากกินขนมแต่ไม่มีตังเลยไถตังลูก ผมฟังแล้วสุดเหลือเชื่อเลย ว่าแม่จะไม่ทำอะไรเลย ผมฟังแล้วจึงรอคุยกับแม่ของเด็กคนนี้ ในระหว่างที่สนทนา ผมได้ฟังแนวคิดของแม่คนนี้ เค้าบอกว่า คนเราคิดบวกเข้าไว้ชีวิตจะดีขึ้น แต่ชีวิตครอบครัวแย่สุด พ่อเด็กกินยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย ชีวิตเป็นหนี้เป็นสิน แต่ดูเหมือนว่าแม่เด็ก จะไม่สนใจเลย
วิเคราะห์ปัญหาของเด็ก แม่เด็กเป็นคนที่คิดบวกมากเกินไป คิดว่าเดี๋ยวเวลาผ่านไปก็คงดีขึ้นเอง ทั้งอันที่จริงปัญหาเกิดขึ้นยังไงเราก็ต้องแก้ ไม่ใช่ปล่อยไว้จนบานปลายขนาดนี้ จนเด็กก็มีปัญหาอะไร แม่ก็ไม่ยอมแก้ปัญหาให้ ทำให้เด็กรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใคร และเจ็บปวดกับทัศนคติที่ดีของแม่ ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ต่อไป เด็กก็คงฆ่าตัวตายตามเป็นแน่แท้ ผมรับรู้เรื่องราวแล้วรู้สึกสงสารจัง
เครดิต: น้องเชาว์ กระทู้จากพันทิป
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!
อาชีพเสริม สำหรับคุณแม่บ้าน ทำได้ที่บ้านหรือแม้เลี้ยงลูก
สุดเจ๋ง! 15 ไอเดียสำหรับพ่อแม่มือใหม่ใช้เลี้ยงลูก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่