AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ความรักยังคงอยู่..แม้ในยามพลัดพราก

หากใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวมีอันต้องจากไปนั้นถือเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก สิ่งที่พึงกระทำคือการเผชิญหน้ากับภาวะสูญเสียด้วยความกล้าหาญทั้งปวง บางครอบครัวอาจจะนำความรักมาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำสิ่งที่งดงามสู่โลกต่อไป ดังเช่นครอบครัวของสาวน้อยโอเลเซีย เคิร์ก

เกือบสามปีแล้วตั้งแต่คุณพ่อของสาวน้อยโอเลเซีย เคิร์ก จากไปด้วยโรคมะเร็งในสมอง หลังจากต่อสู้กับมะเร็งร้ายมานานถึง 17 เดือน โอเลเซียวัย 5 ขวบจากเมืองมิลวอกี้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างโดยมีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจ คุณแม่อลิซาเบธ เคิร์ก เล่าวว่า โอเลเซียจำได้ดีว่าพ่อของเธอเป็นคนตลกและชอบเล่าเรื่องขำๆให้ฟังอยู่ตลอดเวลา แม้ในขณะที่คุณพ่อป่วยอยู่ในโรงพยาบาลก็ยังดูแลลูกสาวตัวน้อยด้วยการอ่านนิทานให้ฟังอีกด้วย

ความรักที่คุณพ่อมอบให้แม้ยามป่วยไข้ทำให้ลูกสาวตื้นตันใจ จนโอเลเซียตั้งใจแน่วแน่ว่า จะช่วยเหลือคนอื่นๆด้วยการไว้ผมยาวและจะบริจาคผมของเธอให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งที่ผมร่วงจากการฉายแสง โดยตั้งใจจะตัดผมเป็นการฉลองวันเกิดครบห้าขวบ นำไปบริจาคให้มูลนิธิออโรร่าเพื่อทำวิกให้เด็กที่เป็นมะเร็งต่อไป

“หนูอยากจะช่วยคนอื่นๆ เหมือนที่คุณพ่อชอบช่วยเหลือคนรอบข้างค่ะ” สาวน้อยกล่าว

หลังจากตัดผมหางม้าหนาหนักออกไป โอเลเซียก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือเด็กอีกคนหนึ่งให้มีความสุขด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นเงินที่ได้จากงานปาร์ตี้จำนวนหนึ่งพันดอลลาร์หรือสามหมื่นห้าพันบาทก็นำไปบริจาคให้โรงพยาบาลมะเร็ง สาวน้อยตั้งใจว่าจะเลี้ยงผมให้ยาวอีกเพื่อจะตัดออกไปบริจาคเมื่อครบรอบวันเกิดเธอในเดือนกรกฎาคมปีหน้า แถมยังชวนลูกพี่ลูกน้องให้เลี้ยงผมเพื่อบริจาคอีกด้วย

 

การ์ดแทนหัวใจของแม่

ในท่ามกลางความสูญเสียนั้นไม่ได้หมายความจะสูญเสียความรักระหว่างกันไป คุณแม่เฮตเตอร์ แมคมานามี่ ชาวรัฐวิสคอนซินวัย 35 ปี เป็นห่วงลูกสาวตัวน้อยคือบรีอาน่าวัย 4 ขวบว่าจะไม่มีโอกาสได้รู้จักแม่ของตัวเองเพราะเธอคงอยู่ได้อีกไม่นานด้วยโรคมะเร็งทรวงอกระยะสุดท้าย จึงเกิดไอเดียที่จะเขียนการ์ดเก็บเอาไว้ให้ลูกอ่านหลังจากเธอจากโลกนี้ไปแล้ว โดยกล่าวว่า

“เพียงหวังให้บริอาน่ารับรู้ว่าแม่รักเธอและอยากดูแลเธอมากขนาดไหน แม้ในยามบริอาน่าเติบโตขึ้นในแต่ละปีจากนี้แต่คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ดูแลลูกได้อีกต่อไปเพราะทุกคนก็รู้ว่ามะเร็งขั้นสุดท้ายทำให้เวลาของเราบนโลกนี้เหลือน้อยเต็มที จึงคงไม่ได้อยู่ดูบริอาน่าเจริญเติบโตแน่ หวังว่าลูกคงจะรักและภูมิใจในตัวแม่บ้าง แม้ในวันที่จากโลกนี้ไปแล้วก็อยากให้ลูกรู้ว่าหัวใจแม่อยู่กับลูกเสมอ”

“ลูกจะได้การ์ดในทุกวาระและโอกาสแม้ว่าแม่จะไม่ได้อยู่กับลูกแล้วก็ตาม การ์ดบางใบ แม่ก็อาจจะเขียนนิดเดียวเท่านั้น การ์ดบางใบ แม่อาจจะเขียนเล่ายาวหน่อยนะ แต่ทุกใบ แม่จะเขียนจากใจให้ลูกจ้ะ”

จากนั้นเฮตเตอร์ก็เริ่มต้นเขียนการ์ดเพื่อมอบให้บริอาน่าในวันเกิด วันสำเร็จการศึกษา การ์ดงานแต่งงาน และการ์ดแสดงความยินดีที่บริอาน่ามีลูกคนแรกในอีกหลายสิบปีให้หลัง รวมทั้งการ์ดอื่นๆ ในแต่ละช่วงวัยของบริอาน่าด้วย จนกว่าบริอาน่าจะอายุครบสามสิบปี

ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูกนั้น ความตายไม่อาจกั้นขวาง หากแต่ยังคงส่งผ่านกาลเวลาแม้ผู้เป็นพ่อแม่จะไม่สามารถอยู่ดูแลลูกๆ ได้ก็ตาม

 

ยอดมนุษย์ในรถเข็น

พ้นจากความโศกเศร้าก็มาฟังเรื่องน่ารักๆ ระหว่างคุณพ่อกับคุณลูกกันบ้าง                ความต่างทางวัฒนธรรมทำให้เราละเลยบางสิ่งบางอย่างไป บางเรื่องนั้นลงรายละเอียดจนครอบครัวแบบไทยๆ มองข้าม อย่างเรื่องซุปเปอร์ฮีโร่ของเด็กๆ สำหรับฝรั่งแล้วค่อนข้างให้ความสำคัญมาก เพราะอยู่บนฐานความคิดว่า นอกเหนือจากพ่อแม่แล้ว เด็กทุกคนย่อมมีฮีโร่ประจำใจกันทั้งนั้น แต่จะเลือกยอดมนุษย์คนไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเด็กๆ

เช่นเดียวกับที่ คุณพ่อแดน ไวท์ ไม่สบายใจนักที่ไม่มียอดมนุษย์รายไหนเลยจะเหมาะกับบุคลิกของเอมิลี่ ลูกสาวของตน เอ็มมิลี่ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง ทำให้ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต คุณพ่อนึกเศร้าใจแทนเด็กๆที่เดินไม่ได้และต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา ด้วยความที่ไม่อยากให้เด็กๆพิการเหล่านี้กลายเป็นกลุ่มที่ถูกละเลยในสังคม คุณพ่อจึงลงมือวาดยอดมนุษย์ในรถเข็นขึ้นมาทันที

แดนวาดตัวการ์ตูนเพื่อเด็กพิการขึ้นมาโดยมีเอ็มมิลี่เป็นแรงบันดาลใจ เรียกชื่อตัวการ์ตูนว่า “แสนสามารถ” โดยรวมสารพัดสัตว์ที่เก่งฉกาจอย่างเสือชีตาร์และเอ็มมิลี่เอาไว้ในบุคลิกด้วย ที่สำคัญเป็นยอดมนุษย์ที่นั่งรถเข็น และสามารถนำรถเข็นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เหมือนยอดมนุษย์อื่นๆ สุดท้ายยอดคุณพ่อก็ลาออกจากงานมาพัฒนาตัวการ์ตูนนี้อย่างจริงจัง ซึ่งคงเสร็จสมบูรณ์ปีหน้า ด้วยความหวังว่าจะเจ้าแสนสามารถนี้จะปรากฎโฉมในหนังสือการ์ตูนและโทรทัศน์

“ผมอยากให้ทั้งโลกเห็นว่าแม้ร่างกายจะพิการ จนต้องใช้รถเข็น แต่ก็ยังสามารถเป็นยอดมนุษย์ได้เหมือนยอดมนุษย์คนอื่นๆ”

ความรักดลบันดาลให้คนธรรมดานี่แหละลุกขึ้นมาทำสิ่งมหัศจรรย์ได้อย่างงดงาม เหมือนที่ครอบครัวทั้งสามส่งผ่านความรักสู่โลกใบนี้

 

เรื่อง : เจริญขวัญ
ภาพ : Shutterstock