คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงิน 1.27 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 5.4 ล้านคน โดยให้รับเงินคนละ 1,500 – 3,000 บาท เริ่มวันที่ 1 ธันวาคม 2559 นี้ โดยการโอนเข้าบัญชี เป็นการให้ ของขวัญปีใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ อ่านรายละเอียด รัฐบาลแจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อย ด้านล่าง
โครงการนี้ครอบคลุมไปถึงผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเอาไว้กับภาครัฐเมื่อเดือนกรกฎคม – สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นกลุ่มคนที่อยู่นอกภาคการเกษตร ผู้ว่างงาน และผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 100,000 บาทต่อปี ระหว่างนี้ให้ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ให้ดำเนินการสำรองจ่ายไปก่อน แล้วรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตราเงินฝากประจำ 6 เดือน บวก 1%
รัฐบาลแจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อย เริ่ม 1 ธันวาคมนี้
การจ่ายเงินนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
1.ผู้ไม่มีรายได้ และผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินจากรัฐบาล 3,000 บาทต่อคน
2.ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,001 – 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินจากรัฐบาล 1,500 บาทต่อคน
โดยธนาคารที่รับผิดชอบทั้ง 3 แห่งจะจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้มีรายได้น้อยที่มีสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 ธันวาคม 2559
1.ต้องมีรายได้น้อยกว่า 100,000 บาทต่อปี
2.ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2559
3.ได้รับการตรวจสอบสถานะบุคคล และความถูกต้องของข้อมูลจากกรมสรรพากร และกรมการปกครอง
ธนาคารที่รับผิดชอบจะโอนเงินเข้าบัญชีผู้ที่มีสิทธิ์รับเงิน ส่วนกรณีที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้ผู้มีสิทธิ์ไปแสดงตัว และเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารที่ได้ไปลงทะเบียนตามโครงการ และสามารถตรวจสอบเงินในบัญชีได้หลังจากเปิดบัญชีใน 7 วัน
อ่านต่อ “มาตรการช่วยเหลือผู้สูงอายุ และขึ้นค่าจ้าง” คลิกหน้า 2
เตรียมออกมาตรการเพิ่มเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เป็นมาตรการช่วยเหลือกลุ่มคนจนที่อาศัยอยู่ในเมือง ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้น้อย ให้ใช้ชีวิตอยู่ได้ และต่อไปจะมีมาตรการเพิ่มเติม เช่น การช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับผิดชอบดูแลต่อไป
นอกจากนี้ยังมีแนวทางช่วยเหลือด้านการเดินทาง โดยอาจใช้กลไกพร้อมเพย์ ด้วยการให้ผู้ที่มีรายได้น้อยใช้บัตรเพียงใบเดียว สามารถนำมาใช้ในการโดยสารรถสาธารณะ และรถไฟฟ้าได้ฟรีในบางช่วง บางเส้นทาง เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยมากยิ่งขึ้น
ขึ้นค่าจ้าง 5 – 10 บาท
นอกจากการมอบเงินช่วยเหลือแล้ว คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำใน 69 จังหวัดทั่วประเทศในอัตรา 5 – 10 บาท ซึ่งได้มีมติปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานปี 2560 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 นี้ โดยเฉลี่ยปรับขึ้นค่าจ้าง 1.71% แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มจังหวัด ดังนี้
2.จังหวัดที่ปรับขึ้น 10 บาทต่อวัน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร และภูเก็ต
3.จังหวัดที่ปรับขึ้น 8 บาทต่อวัน 13 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, ชลบุรี, ระยอง, สุราษฎร์ธานี, สงขลา, เชียงใหม่, สระบุรี, ฉะเชิงเทรา, กระบี่, พังงา และอยุธยา
4.จังหวัดที่ปรับขึ้น 5 บาทต่อวัน 49 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, น่าน, ตาก, กาญจนบุรี, ราชบุรี, สุพรรณบุรี, เพชรบุรี, พัทลุง, สตูล, กำแพงเพชร, พิจิตร, แพร่, เพชรบูรณ์, อุทัยธานี, สกลนคร, กาฬสินธุ์, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, บุรีรัมย์, สุรินทร์, อำนาจเจริญ, ชัยนาท, ลพบุรี, นครนายก, สระแก้ว, ประจวบคีรีขันธ์, สมุทรสงคราม, จันทบุรี, ตราด, ลำพูน, พะเยา, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, บึงกาฬ, นครพนม, อุบลราชธานี, อ่างทอง, เลย, หนองบัวลำภู, มุกดาหาร, ยโสธร, เชียงราย, พิษณุโลก, อุดรธานี, ชัยภูมิ, ศรีษะเกษ, นครสวรรค์ และหนองคาย
การปรับค่าจ้างในครั้งนี้เป็นการใช้ข้อมูลจากการสำรวจค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของแรงงานในพื้นที่ต่างๆ โดยพิจารณาจากความเห็นของทุกฝ่าย เพื่อให้แรงงานมีรายได้ในการดำรงชีพเพิ่มขึ้น และขออย่าให้มีการอ้างเอาการปรับขึ้นค่าจ้างไปใช้ในการปรับขึ้นราคาสินค้า
เครดิต: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/728673
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
ลงทะเบียนคนจน หรือผู้มีรายได้น้อย หมดเขต 15 ส.ค. นี้
เงินประกันสังคมของพ่อแม่ ส่งต่อสู่ทายาทได้
เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ประจำปี 2560 เรื่องดีๆ ที่พ่อแม่ต้องรู้
Save
Save
Save