สปสช. ชี้แจง สิทธิบัตรทองเด็ก กับรายละเอียดสิทธิประโยชน์การใช้บัตรทองของเด็ก ที่พ่อแม่ควรรู้ เพื่อให้ลูกเติบโตสมวัย ห่างไกลโรค และมีสุขภาพแข็งแรง แล้วลูกของเราสามารถตรวจหรือรักษาโรคใดได้บ้าง ตามมาดูกันเลยค่า
สิทธิบัตรทองเด็ก และผู้ใหญ่
โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือเรียก 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นโครงการรัฐบาลที่ทำเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ และบุคคลทั่วไปมีหลักประกันสุขภาพ โดยคนไทยทุกคนสามารถรับบริการรักษาโรค ซึ่งจ่ายค่ารักษาเพียง 30 บาทเท่านั้น
โดยภาครัฐจะให้ประชาชนลงทะเบียนกับโรงพยาบาล เพื่อที่รัฐจัดสรรงบประมาณลงในโรงพยาบาลตามจำนวนคน และแจกบัตรประจำตัวให้แก่ผู้รับบริการ เรียกกันว่า “บัตรทอง”
ผู้ถือบัตรทอง จะได้รับการบริการขั้นพื้นฐานทางการแพทย์ การสาธารณสุข และการอนามัยอันจำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต ซึ่งให้โดยตรงแก่บุคคลเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมโรค การป้องกันโรค การตรวจ การวินิจฉัย การรักษาพยาบาล การป้องกันความพิการ และการฟื้นฟูสมรรถภาพ และการอื่นใดเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่หน่วยบริการจัดขึ้น โดยไปรับบริการได้ที่สถานีอนามัย ศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งและโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กล่าวว่า… เด็กไทยเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดเพื่อนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาและความก้าวหน้า จึงจัดชุดสิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนให้เด็กไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ เติบโตเป็นประชากรอย่างมีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต
โดยครอบคลุมการดูแลตั้งแต่ในครรภ์แม่ ทารกแรกเกิดจนถึงเด็กปฐมวัย ทั้งด้านการรักษาโรคทั่วไป โรคเฉพาะทางค่าใช้จ่ายสูง และการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ตามแนวเวชปฏิบัติ และมาตรฐานบริการที่กำหนดโดยกรมวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข ราชวิทยาลัย และสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งสิทธิประโยชน์เด็กเป็น 2 กลุ่มวัย คือ กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0 – 5 ปี และกลุ่มเด็กโตและวัยรุ่น อายุ 6 – 24 ปี
ชมคลิปสรุป! “สิทธิบัตรทองเด็ก” กับประโยชน์ที่จะได้รับ ตั้งแต่แรกเกิด-24 ปี คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
และเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจรายละเอียดของ สิทธิบัตรทองเด็ก อย่างง่ายๆ ทาง สปสช. จึงได้เผยแพร่สื่อวีดีโอ ชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ “ดูแลเด็กไทยทุกคน” ทุกช่วงวัย จะมีเนื้อหาใจความสำคัญอะไรได้ ไปดูกันเลยค่ะ
คลิป สิทธิบัตรทองเด็ก กับรายละเอียดสิทธิประโยชน์
ของ “กลุ่มเด็กเล็ก ตั้งแต่แรกเกิด – 5 ปี”
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : ก้าวใหม่ สปสช.
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่มีลูกน้อยใน ช่วงอายุ 0-5 ปี สามารถรับสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย โทรสอบถามสิทธิประโยชน์ได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 (ตลอด 24 ชม.)
คลิป สิทธิบัตรทองเด็ก กับรายละเอียดสิทธิประโยชน์
ของ “กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่น อายุ 6-24 ปี”
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : ก้าวใหม่ สปสช.
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่มีลูกอยู่ในช่วงอายุ 6-24 ปี สามารถรับสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดย โทรสอบถามสิทธิประโยชน์ได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 (ตลอด 24 ชม.)
ผู้ยกเว้นการใช้สิทธิ์บัตรทอง
1. | ผู้มีสิทธิตามพระราชบัญญัติประกันสังคม |
2. | ผู้มีสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เช่น ข้าราชการ ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ และครอบครัว |
3. | ผู้อยู่ในความคุ้มครองของหลักประกันสุขภาพอื่นที่รัฐจัดให้ เช่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในองค์กรอิสระ |
วิธีการใช้สิทธิ์เมื่อเจ็บป่วย
- เข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลที่ระบุในบัตรทอง
- แสดงความจำนงเพื่อขอใช้สิทธิทุกครั้ง
- แสดงบัตรทองพร้อมบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่าย ซึ่งทางราชการออกให้ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาสูติบัตร หรือใบเกิด)
- ควรไปรักษาในเวลาทำการ หรือเวลาที่สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลกำหนด
กรณีอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน
- เข้ารับการรักษาได้ที่สถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง หรือโรงพยาบาลของรัฐ และเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
- กรณีฉุกเฉินไปรักษาโรงพยาบาลอื่นที่ไม่ได้ระบุในบัตรทองได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี
อ่านต่อ >> “วิธีการลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพ” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วิธีการลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพ
( สิทธิบัตรทองเด็ก และผู้ใหญ่ )
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนสิทธิ แค่เพียงดำเนินการตาม 6 ขั้นตอนนี้เท่านั้น
ขั้นตอนแรก คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ตัวเองว่า ปัจจุบันมีสิทธิรักษาพยาบาลอะไร ถ้าไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลตามที่รัฐจัดให้ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม สิทธิรัฐวิสาหกิจ และอื่นๆ ให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนกรุงเทพฯ หรือ คนต่างจังหวัด ต้องทำการ “ตรวจสอบสิทธิ” บางคนเป็นสิทธิว่าง (ค่าว่าง)
ขั้นตอนที่สอง สิ่งที่ต้องเตรียมคือ
1.สำเนาบัตรประชาชน/สำเนาสูติบัตร (สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปีหรือที่ยังไม่มีบัตรประชาชน)
2.เอกสารรับรองการพักอาศัย เช่น ทะเบียนบ้าน หรือใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น
ขั้นตอนที่สาม เดินทางไปลงทะเบียน ถ้าพักอาศัยในกรุงเทพมหานคร ให้ไปติดต่อ สำนักงานเขตทั้ง 19 เขต ที่เปิดรับลงทะเบียน ถ้าพักอาศัยในต่างจังหวัดให้ไปติดต่อโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ของจังหวัด
ขั้นตอนที่สี่ ลงทะเบียน ณ จุดลงทะเบียน เพื่อเลือกหน่วยบริการในการเข้ารับการรักษาพยาบาลตามบัญชีเครือข่าย
ขั้นตอนที่ห้า รอเวลา… เพราะหลังจากลงทะเบียนจะได้รับสิทธิ ทุกวันที่ 15 หรือ วันที่ 28 ของเดือน โดยการส่งข้อมูลการลงทะเบียน จะแบ่งเป็น 2 รอบ ดังนี้
- รอบที่ 1 ลงทะเบียนไม่เกินวันที่ 10 ของเดือน สิทธิจะขึ้น วันที่ 15 ของเดือน
- รอบที่ 2 ลงทะเบียน หลังวันที่ 10 แต่ไม่เกินวันที่ 22 ของเดือน สิทธิจะขึ้น วันที่ 28 ของเดือน
**กรณีย้ายสิทธิการรักษาก็ให้ใช้สิทธิที่เดิมไปก่อน จนกว่าสิทธิใหม่จะขึ้น แต่ถ้ายังไม่เคยลงทะเบียนก็จะเป็นสิทธิว่างจะใช้สิทธิได้ในกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินเท่านั้น สำหรับผู้ที่ลาออกจากประกันสังคมมาลงทะเบียนสิทธิบัตรทองต้องรีบตรวจสอบสิทธิของตนเองทันที ภายหลังจากหมดการคุ้มครองของสิทธิประกันสังคม
ทั้งนี้ สิทธิสามารถใช้ได้ทุกวันที่ 15 และ 28 หมายถึง หลังจากลงทะเบียนใช้สิทธิบัตรทอง จะมีระยะเวลาประมาณ 15 วันถึง 1 เดือน ถึงจะเริ่มใช้สิทธิ์ที่แห่งใหม่ได้ (สปสช. จะมีรอบการลงทะเบียนทุกวันที่ 15 และ 28 ของเดือน) โดยใช้สิทธิการรักษาที่หน่วยบริการแห่งเดิมไปก่อนจนกว่าสิทธิแห่งใหม่จะใช้ได้
ขั้นตอนที่หก แนะนำให้ตรวจสอบสิทธิตนเองอีกครั้งก่อนเข้ารับบริการที่หน่วยบริการ เพื่อตรวจว่าสิทธิที่ลงทะเบียนเข้าในระบบแล้วหรือไม่?
ปล. 6 ขั้นตอนนี้สามารถใช้ได้กับผู้ที่ย้ายสิทธิการรักษาพยาบาลหรือหน่วยบริการได้
ทั้งหมด คือ 6 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ผู้ที่ประสงค์จะลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพ (สิทธิบัตรทอง) หากพบปัญหาและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ สิทธิบัตรทองเด็ก และผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่สามารถโทร สายด่วน สปสช. 1330 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- บัตรทองดูแลครรภ์ฟรี คลอดลูกน้อยปลอดภัย
- 10 ข้อควรรู้ เมื่อต้องการใช้สิทธิบัตรทอง
- บัตรทองดูแลครรภ์ฟรี คลอดลูกน้อยปลอดภัย
ที่มาภาพ : สปสช. เขต 13 กทม.
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.facebook.com/NHSO.Thailand/