AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

หยอดโรต้า ฟรี!! ปี 2562 แม่ๆ อย่าลืมพาลูกไปรับวัคซีน

กทม. ชวนคุณแม่พลูกไป หยอดโรต้า ฟรี!! ปี 2562

แม่ๆ จ๋า ม.ค. 2562 อย่าลืม! เตรียมพาลูกน้อยไป หยอดโรต้า วัคซีนป้องกันท้องเสีย ฟรี!! เพื่อป้องกันลูกเป็นโรคอุจจาระร่วง กันนะคะ

หยอดโรต้า ฟรี!! ปี 2562 แม่ๆ อย่าลืมพาลูกไปรับวัคซีน

บ้านไหนที่มีลูกน้อยวัย 2 เดือน และมีภูมิลำเนา อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ คุณแม่สามารถพาไป หยอดโรต้า หรือ วัคซีนป้องกัน โรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้าได้ ฟรี!!

โดยเรื่องนี้ นายสุนทร สุนทรชาติ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยว่า ทาง กทม.ตระหนักและให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพเด็กเล็ก โดยเฉพาะวัยแรกเกิด ถึง อายุ 5 ปี

ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่พบว่า… ส่วนใหญ่มักเจ็บป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า และเนื่องด้วยประเทศไทยในปัจจุบันก็มีสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยทั้งร้อน หนาวและมีฝนตก จึงทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เด็กเล็กหรือผู้ใหญ่อาจเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย

ลูกวัยแรกเกิด – 5 ขวบ เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโรต้า 

ซึ่งโรคอุจจาระร่วง กุล่มที่เสี่ยงเป็นมากที่สุดคือ ในเด็กเล็กตั้งแต่ แรกเกิดถึงอายุ 5 ปี โดยจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกน้อยที่กำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต ทำให้เกิดปัญหาด้านสาธารณสุข ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและทรัพยากรบุคคลที่ต้องรับภาระในการดูแลเด็กป่วย

อ่านต่อ >> สถานที่ที่พ่อแม่สามารถพาลูกไปหยอดวัคซีนไวรัสโรต้า ฟรี!” คลิกหน้า 2

อย่าลืมพาลูกไป หยอดโรต้า ฟรี!! ปี 2562

ทั้งนี้ปัจจุบันมี วัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า ที่มีประสิทธิภาพและสามารถป้องกันอันตรายจาก ไวรัสโรต้า ที่ทำให้เกิด โรคอุจจาระร่วง ในเด็กได้ถึงร้อยละ 95 … ทาง กทม. จึงขอเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่นำลูกน้อยที่มีอายุ 2 เดือน และมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ มาหยอดวัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้าได้ฟรี!!

ทุกวันอังคารเวลา 12.00-15.00 น. ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขสำนักอนามัยทุกแห่ง  โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองควบคุมโรคติดต่อสำนักอนามัย กทม. โทร.0-2203-2887-9

 

ลูกวัยแรกเกิด – 5 ขวบ เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโรต้า

ทำไมลูกต้อง หยอดโรต้า

วัคซีนโรต้า ถือว่าเป็นวัคซีนเสริมที่จำเป็นกับลูกน้อยมากๆ และควรได้รับการฉีดป้องกันไว้ เพราะ ไวรัสโรต้า เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการท้องเสียในเด็กตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 5 ขวบ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรคที่อันตรายกับลูกไม่น้อย

อาการเมื่อติดเชื้อไวรัสโรต้า 

เมื่อเด็กติดเชื้อไวรัสโรต้า จะมีอาการอาเจียนและถ่ายท้องรุนแรง จนต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่ป้องกันได้ยาก หากเทียบกับเชื้ออื่นซึ่งหากเป็นเชื้ออื่นการล้างมือด้วยสบู่อย่างเดียวก็เพียงพอ แต่สำหรับเชื้อไวรัสโรต้า การทำความสะอาดนั้น ต้องทำความสะอาดด้วยแอกอออล์ หรือถ้าเป็นภาชนะก็ต้องใช้วิธีการต้มในน้ำเดือดเพื่อฆ่าเชื้อ

การติดต่อของเชื้อไวรัสโรต้า

เชื้อไวรัสโรต้านั้น สามารถติดต่อเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมากๆค่ะ โดยผ่านทางปาก ผ่านการกิน ซึ่งเชื้อโรต้านี้จะแฝงตัวอยู่ตามสิ่งของ เช่น ของเล่นลูก เมื่อลูกน้อยนำสิ่งของที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่เข้าปาก  ก็จะทำให้เชื้อนี้เข้าสู่ร่างกาย จะส่งผลให้เด็กมีอาการไข้ ท้องเสีย อาเจียน ซึ่งเชื้อจะมีชีวิตอยู่เป็นเวลาหลายวันด้วย และบางรายที่มีอาการรุนแรงมาก อาจส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของลูกได้เลยนะคะ

อ่านต่อ >> “วิธีรักษาและป้องกันลูกน้อยจากเชื้อไวรัสโรต้าที่ดีที่สุด” คลิกหน้า 3

วิธีรักษาเมื่อลูกน้อยติดเชื้อไวรัสโรต้า

การดูแลรักษาลูกน้อยที่ได้รับเชื้อไวรัสโรต้าที่ดีที่สุด คือ การทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงและดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ดังนี้

 

การป้องกันลูกน้อยจากไวรัสโรต้า

เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสโรต้าส่วนใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงและการรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อนี้ เพราะฉะนั้นวิธีการป้องกัน ได้แก่

 

วัคซีนป้องกันเจ้าตัวเล็กจากโรคท้องร่วง

และสุดท้ายอีกหนึ่งวิธีคือการพาลูกไป หยอดโรต้า ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันอาการท้องร่วงรุนแรงจากไวรัสโรต้า โดยในปัจจุบันเป็นวัคซีนชนิดหยอดที่ใช้ได้เฉพาะในเด็กเล็กเท่านั้น ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ลดความรุนแรงของโรค และมีความปลอดภัยสูง

หากเด็กได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าครบถ้วน แม้จะท้องร่วงจากการติดเชื้อไวรัสโรต้าก็จะมีอาการเบาลง ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรไปลูกน้อยไปพบกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับวัคซีนและคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมด้วยนะคะ

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก: 


ขอบคุณข้อมูลจาก : นพ.พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์สาขาโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ www.bangkokhospital.com

และข้อมูลอ้างอิงจาก : www.thaihealth.or.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids