คุณพ่อ คุณแม่ทราบหรือไม่คะว่าตอนนี้มีคำสั่งใหม่จาก พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 สั่งให้ผู้โดยสารรถยนต์ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ถ้าทำผิดไม่จ่ายค่าปรับจะโดนฟ้องศาล ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ หรือลูกน้อย นั่งเบาะหลังไม่คาดเข็มขัด ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ไม่ต่างกับนั่งหน้า
นั่งเบาะหลังไม่คาดเข็มขัด ตายก่อน!!
เครดิตภาพ: ข่าวสดออนไลน์
จากข้อมูลข่าวเมื่อไม่นานมานี้จาก ข่าวสดออนไลน์ พบอุบัติเหตุน่าสะเทือนใจ เมื่อรถยนต์ 2 คันชนกันจนพลิกคว่ำ คนภายในรถกระเด็นออกมาตกลงกลางถนน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์นี้ทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถอีกคันหนึ่งเสียชีวิต เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมคนถึงกระเด็นออกมาจากรถได้ เหตุผลง่ายๆ ก็คือ คนในรถยนต์ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ว่าจะนั่งอยู่หน้ารถ หรือหลังรถ ก็ควรที่จะคาดเข็มขัดเสมอ
แม่น้องเล็กจึงขออนุญาตหยิบยกคลิปวิดีโอตัวอย่างมาให้ชมกัน 2 คลิป เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ
สำหรับคนที่คิดว่า นั่งรถด้านหลังไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยก็ได้นี่ไม่ใช่ขบวนการยอดมนุษย์ที่กำลังพุ่งออกจากรถ หากแต่นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากรถของคุณแหกโค้ง โดยที่คุณไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย"เข็มขัดนิรภัย นั่งตรงไหนก็ควรคาด"
โพสต์โดย ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว บน 11 มกราคม 2016
เครดิตคลิปวิดีโอ: ความรู้สนุกๆ แบบหมอแมว
จากคลิปวิดีโอ คลิปที่ 1 คุณพ่อ คุณแม่จะเห็นว่า ไม่ว่าเราจะนั่งหน้ารถ หรือหลังรถ ถ้าหากไม่คาดเข็มขัดนิรภัยก็มีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้เหมือนๆ กัน เราไปชมคลิปวิดีโอ คลิปที่ 2 กันต่อเลยค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “นั่งหลังตายก่อน! หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย!” คลิกหน้า 2
นั่งหลังตายก่อน! หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย!
การวิจัย ในการใช้เข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ทั้งเบาะหน้า และเบาะหลัง โดยสร้างเหตุการณ์จำลองให้ผู้ปกครองเป็นผู้ขับรถ และมีเด็กทารกนั่งคาร์ซีทหันหน้าเข้าเบาะอยู่ที่นั่งด้านหน้า เด็กอายุ 10 ขวบนั่งอยู่ที่เบาะหลังคนขับ และเด็กอายุ 3 ขวบยืนบนเข่ามองออกไปที่กระจกหน้าต่างด้านหลัง
เด็กทั้ง 3 คนไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย จากการทดสอบการชนด้วยความเร็วเพียง 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น พบว่า ด้านหน้าของรถได้รับความเสียหายยับเยิน แต่ภายในห้องโดยสารยังคงสภาพเดิม
- ผู้ปกครองปลอดภัย เพราะคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ และมีถังลมนิรภัยช่วยป้องกันศีรษะ และหน้าอกจากการกระแทกต่างๆ
- เด็กอายุ 10 ขวบกระแทกเข้ากับเบาะหน้าของคนขับ และได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และคออย่างรุนแรงจนอาจเสียชีวิตได้
- เด็กอายุ 3 ขวบลอยไปจากเบาะหลัง กระแทกกับกระจกหน้ารถ ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้น ทำให้เขาเสียชีวิตได้
- เด็กทารกที่นั่งอยู่เบาะหน้า เนื่องจากถุงลมนิรภัยฝั่งเบาะข้างคนขับพองออกมาทำให้กระแทกเด็กทารก จนเสียชีวิตได้จากแรงกระแทกบริเวณสมอง
ข้อควรระวัง!! “อย่าวางคาร์ซีทสำหรับเด็กทารกเอาไว้ที่เบาะหน้าของรถยนต์ทุกประเภทที่มีถุงลมนิรภัย และควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ผู้โดยสารเบาะหน้า และเบาะหลัง”
เครดิต: คลิปวิดีโอ SSHEsociety
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “คำสั่งใหม่ผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัย” คลิกหน้า 3
คำสั่งใหม่ผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัย
จากข่าวของ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ มีคำสั่งใหม่จาก พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 สั่งให้ผู้โดยสารรถยนต์ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ขับขี่จำนวนมาก หลีกเลี่ยงกฎหมายจราจร และทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน จึงต้องมีการกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติม ให้เข้มงวดขึ้น
แม่น้องเล็กขออนุญาตอธิบายคำสั่งตามมาตรา 44 ให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้นะคะ
1.เจ้าหน้าที่มีอำนาจเคลื่อนย้ายรถที่หยุด หรือจอดในที่ที่ฝ่าฝืน หรือใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถดังกล่าว โดยไม่ต้องรับผิดความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้น เว้นแต่ความเสียหายนั้นเกิดจากความจงใจ หรือประมาทเลินเล่อ เจ้าของรถจะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการที่รถถูกเคลื่อนย้าย หรือไม่ให้เคลื่อนย้าย ตลอดจนค่าดูแลรักษารถระหว่างอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่
2.ผู้ขับขี่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยขณะขับรถ และต้องให้คนโดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยขณะนั่งอยู่ในรถยนต์ด้วย
3.ถ้าผู้ขับขี่ หรือเจ้าของรถได้รับใบสั่ง แล้วไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่จะมีอำนาจดำเนินการ ดังนี้
- เจ้าหน้าที่ระดับสารวัตรขึ้นไปแจ้งหนังสือการไม่ปฏิบัติตามใบสั่ง และจำนวนเงินค่าปรับที่ค้างชำระ ให้ผู้ขับขี่ หรือเจ้าของรถ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนด ผู้ขับขี่ หรือเจ้าของรถจะต้องชำระค่าปรับที่ค้างชำระด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้ง
- ถ้าผู้ขับขี่ หรือเจ้าของรถไม่ชำระค่าปรับ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการ ดังนี้
- เจ้าหน้าที่จะแจ้งค่าปรับไปยังนายทะเบียนตรวจสอบข้อมูล และแจ้งให้ผู้ขับขี่มาติดต่อขอชำระภาษีประจำปี เพื่อไปชำระค่าปรับที่ค้างภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้ง
- ถ้าเจ้าของรถชำระค่าปรับที่ค้างครบถ้วนในระยะเวลาที่กำหนด ให้นำหลักฐานที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ มาแสดงกับนายทะเบียน เพื่อเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีสำหรับรถนั้น
- เจ้าหน้าที่ทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับแทนได้ ถ้าเจ้าของรถประสงค์ชำระเงินค่าปรับในวันที่มาติดต่อขอชำระภาษีประจำปี
- ถ้าเจ้าของรถไม่ชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะแจ้งนายทะเบียนให้งดออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี และแจ้งให้พนักงานสอบสวนส่งฟ้องศาลดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก!!
อุบัติเหตุ รถชน จากความประมาทของผู้ปกครอง
ลูกรอดชีวิต จากรถสิบล้อชน เพราะนั่งคาร์ซีท
ลูกน้อยได้รับอันตราย เพราะนั่งคาร์ซีทผิดวิธี
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save
Save
Save