เมื่อปูนปั้นโตขึ้นความดื้อก็มากขึ้นตามอายุ จริงอย่างที่เขาเรียกวัยนี้ว่า terrible two
อาการดื้อบางอย่างเราไม่เคยเห็นปูนปั้นทำ และไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็น บางอาการเห็นปุ๊บเกิดสงสัยว่าไปเลียนแบบที่ไหนมาหรือป่าว ก็ต้องไปลองถามพี่เลี้ยงถามคุณครู ก็จะได้ความว่า มีเพื่อนๆ ทำในห้อง ลูกก็คงจำมาใช้ เพราะเด็กๆ อยู่ด้วยกันก็คงมีเลียนแบบกัน แกล้งกันเป็นธรรมดา (และคงมีเพื่อนๆ เลียนแบบลีลาปูนปั้นไปใช้เช่นกัน)
ก็โลกของปูนปั้นพองใหญ่ขึ้น ไม่ใช่โลกที่มีเพียงอ้อมกอดของปะป๊าและหม่าม๊าอีกต่อไป และนับวันโลกของปูนปั้นก็จะมีแต่ขยายกว้างมากขึ้น ไม่มีวันหดลงมาเหลือใบเล็กเท่าเดิม
คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงเจอเหมือนๆกัน เมื่อเหนื่อยมากๆ ล้ามากๆ แล้วเจ้าตัวป่วน หรือ เจ้าตัวยุ่งของเราเกิดงอแงขึ้นมา บางครั้งอารมณ์ของเราก็เริ่มจะดึงไว้ลำบาก มี 3-4 ขั้นตอนที่ครอบครัวเราใช้เสมอๆ มาเล่าให้ฟังกันครับ
1) เปลี่ยนตัว ให้ปะป๊า หรือ หม่าม๊า เข้ามาแทน ตัวผู้เล่นใหม่เข้ามายังสดชื่นน่าจะพูดคุยกับเจ้าตัวป่วนได้ดีกว่า อย่างน้อยก็ยื้อกันได้อีกพักใหญ่
2) ท่องคำว่า ‘เมตตา’ เขาเป็นลูกเรา เขายังเด็กมาก และเด็กก็คือเด็ก หลายๆ ครั้งการงอแงไม่ต้องมีเหตุผล ไม่ได้มีความหมายว่าต้องการอะไร ดังนั้นต้องหมั่นระลึกถึงความเมตตา เพื่อไม่ให้เราไประเบิดอารมณ์ใส่เด็ก ซึ่งนั่นคือการใส่บางสิ่งที่ไม่ดีเข้าไปในหัวใจดวงเล็กนั้น และหากเกิดบ่อยๆ มันจะทำให้หัวใจดวงน้อยเปลี่ยนไปตลอดกาล
3) ดึงสติเขากลับมา ซึ่งแต่ละสถานการณ์ก็มีวิธีไม่เหมือนกัน บางครั้งงอแงจนเหนื่อยถามว่าดื่มน้ำมั้ย สติก็กลับมา ตอบว่าเอา พอได้เทน้ำดื่มน้ำเอง ทุกอย่างก็กลับมาปกติซะอย่างนั้น บางครั้งก็ต้องรอจังหวะแล้วชวนไปทำกิจกรรมที่ชอบ บางครั้งก็ตีก้นลูบหลังก็กลับมาง่ายๆ ข้อนี้วิธีของครอบครัวใคร ก็คงต้องหาเอาเองนะฮะ
4) ต้องคุยด้วยเหตุผลสอนเขาทุกครั้ง สุดท้ายพอสติกลับมา เราถามเขาเสมอว่า “ปูนปั้นเมื่อกี๊ ปูนปั้นร้องทำไมเอ่ย”,“คราวหน้าปูนปั้นพูดดีๆ นะครับ เพราะเวลาร้องไห้แล้วเราคุยกันไม่รู้เรื่อง”, “ที่ปูนปั้นงอแง นั่นดีมั้ย” “ถ้ารู้ว่าไม่ดี ทีหลังไม่ทำนะครับ” และอื่นๆอีกมากมาย เพราะถ้าเราปล่อยมันผ่านไปเฉยๆ มันก็จะไม่มีการเรียนรู้อะไรเกิดขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ดี เจ้าตัวน้อยก็มักจะมีลูกอ้อนให้เราอมยิ้ม หรือบางครั้งก็ต้องแอบเสียน้ำตากันเลยทีเดียว เวลาปูนปั้นงอแง แล้วรู้ตัวว่ากำลังทำให้ปะป๊าไม่สนุกสิ่งที่ปูนปั้นมักจะพูดและทำบ่อยๆ จะเป็นตามบทสนทนานี้
ปูนปั้น : ปะป๊าครับ ปะป๊า love มั้ย
ปะป๊า : love สิ Papa loves you so much
ปูนปั้น : ปะป๊า love me always มั้ย
ปะป๊า : Yes, Papa loves you always
ปูนปั้น : ปะป๊าไม่ moody นะ
ปะป๊า : OK Papa won’t moody.
แล้วเราก็จะกอดกัน
เจอลูกนี้เข้าไปก็ใจอ่อนหละครับ และแม้จะเจอบ่อยๆ แต่ก็สารภาพเลยบางครั้งน้ำตาก็ยังร่วง เพราะเรารู้สึกได้ว่า ปูนปั้นเห็นความรักของเรามีค่า
บางครั้งปะป๊าอารมณ์ไม่ดีไปแล้ว ปูนปั้นก็ยังคงงอแงจนเมื่อไหร่เริ่มมีสติก็จะเดินมาหาปะป๊า แล้วยกมือไหว้หน้าจ๋อยๆ เสียงยังสั่นเครือ พูดว่า “ปะป๊าครับ ปูนปั้น sorry นะครับ” สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นก็คือรีบกอดเขา แล้วก็บอกว่า เราให้อภัยเขาและเรารักเขามาก และรักตลอดเวลา
สำหรับตอนนี้ขอปิดด้วยเรื่องราวที่ผมเคยเล่าไว้ที่เพจ ในคืนหนึ่งที่ผมส่งปูนปั้นนอน ซึ่งคืนนั้นปูนปั้นไม่ค่อยสบาย และได้ออกฤทธิ์งอแงก่อนนอนเสียด้วยครับ
หลังจากงอแงพักใหญ่ และไม่ยอมอาบน้ำแต่เมื่อทุกคนกลับบ้านหมด …สักพักคงรู้สึกเหนื่อยจากงอแง มาขอดื่มน้ำ พอได้เทน้ำเองเท่านั้น สติก็กลับมาพูดคุยโน่นนี่เหมือนไม่เคยงอแงมาก่อน
ปะป๊าเลยพาไปทานยาดื่มน้ำมิ้กกี้เม้าท์สุดโปรดแล้วก็พาไปล้างจมูกแปรงฟันอาบน้ำ และสระผมถึงตรงนี้ เจ้าตัวแสบก็ฉีดน้ำจนปะป๊าเปียกหมด และต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
ปูนปั้นเลือกหนังสือ 3 เล่มมาอ่านกะปะป๊าก่อนนอน เมื่ออ่านจบ ก็ตามสัญญาปะป๊าปิดไฟเปิดเพลงโทมัสตามที่ปูนปั้นขอแล้วก็ Say Good Night และบอกรักกัน
ไม่ลืมที่จะต้องสัญญาก่อนนอนเหมือนทุกคืนว่าจะตื่นมาอารมณ์ดี .. (ตบมือแบบ give me 5)/ แล้วจะรีบไปอาบน้ำ … (ตบมือแบบ give me 5) / จะหม่ำข้าวเช้าเยอะๆ … (ตบมือแบบ give me 5) / จะไปโรงเรียนไม่งอแง … (ตบมือแบบ give me 5) เป็นอันจบพิธี
ก่อนหลับปูนปั้นก็พูดว่า “ปะป๊าตีตูด” เมื่อเริ่มงัวเงียก็ “ปะป๊ากอด” แล้วปูนปั้นหันมากอดคอปะป๊าเสียแน่น แล้วก็เอาปากมาหอมปะป๊า (ความรู้สึก ณ moment นั้นไม่มีอะไรมาทดแทนได้หรอกครับ)
จากนั้นก็ค่อยๆเหลือเพียงเสียงลมหายใจเจ้าตัวน้อยก่อนจะลุกออกมาปะป๊าหอมเจ้าปูนปั้นอีกครั้ง
Good Night … Papa loves you always.
ติดตามเรื่องราวความน่ารักของครอบครัวน้องปูนปั้นได้ใน คอลัมน์ FAMILY BLOGGER : ได้ทุกสัปดาห์แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่
www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon นะครับ
บทความโดย: บรรทัดที่สิบเอ็ด (พ่อเอก-จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์)