วินาทีที่ลูกน้อยในท้องลืมตาดูโลก หน้าที่แม่ก็เริ่มขึ้น การดูแลเด็กน้อยคนหนึ่งให้เติบโตได้อย่างมีความสุขและแข็งแรงนั้น ต้องใช้พลังกายและพลังใจอย่างมหาศาล แน่นอนว่าจะต้องเหนื่อยแบบไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ดังนั้น คำพูดและการกระทำของสามีหรือคนรอบข้างนั้นมีความสำคัญมาก ที่จะทำให้แม่ลูกอ่อนอย่างเรา ๆ มีแรงหรือหมดแรง มาดูกันคะว่า คำพูดแย่ ๆ คำไหนบ้างที่สามีไม่ควรพูดเพื่อทำร้ายจิตใจแม่ลูกอ่อนกันบ้าง
8 คำพูดแย่ ๆ ที่แม่ลูกอ่อนไม่อยากได้ยิน
1. วันๆ ทำอะไร ทำไมบ้านรกจัง
อยากให้เข้าใจกันก่อนว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ชอบอยู่กับบ้านที่รกๆ หรอกค่ะ แต่ที่ปล่อยให้บ้านรกเป็นเพราะไม่มีเวลาที่จะทำไงล่ะคะ เพราะต้องเอาเวลาที่มีทั้งหมดไปดูแลลูก ไหนจะป้อนนม เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมลูกหลับ ปั๊มนม ล้างขวดนม เตรียมอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย ขนาดเวลาส่วนตัวที่จะได้เข้าห้องน้ำ กินข้าวเช้า ยังแทบจะไม่มีเวลาเลยค่ะ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำความสะอาดบ้าน
ลองเปลี่ยน คำพูดแย่ ๆ เป็น “วันนี้แม่คงเหนื่อยมากเลยใช่ไหม เดี๋ยวพ่อช่วยเก็บบ้านให้นะจ๊ะ”
หากสามีแสดงความเข้าใจว่าที่บ้านรกเป็นเพราะไม่มีเวลาจริง ๆ และยังช่วยกันทำความสะอาดบ้านเพราะเห็นว่าแม่เหนื่อย แค่นี้ก็ช่วยเติมกำลังใจให้แม่ลูกอ่อนได้เป็นอย่างมากแล้วล่ะค่ะ
2. กับข้าวไม่อร่อยเลย
ไม่มีใครเกิดมาแล้วทำอาหารได้อร่อยในทันทีหรอกค่ะ และผู้หญิงบางคนก่อนที่จะมาเป็นแม่คน ก็แทบจะไม่เคยได้เข้าครัวมาก่อน เมื่อมีครอบครัวแล้ว ก็อยากจะทานอาหารกันพร้อมหน้า และอยากให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน จึงเลือกที่จะทำอาหารที่มีประโยชน์ทานกันที่บ้าน กว่าจะทำอาหารออกมาได้แต่ละจานจึงไม่ใช่เรื่องง่าย หากได้ยินคำวิจารณ์ที่ไม่สร้างสรรค์ก็อาจทำให้หมดกำลังใจที่จะทำอาหารได้นะคะ
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “กับข้าววันนี้ใช้ได้เลย แต่อ่อนเค็มไปหน่อย ถ้าเติมน้ำปลาอีกนิดจะอร่อยเลย”
การวิจารณ์อาหารสามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเชิงลบในการวิจารณ์ จริง ๆ แล้วคนที่ทำอาหาร รู้อยู่แล้วค่ะ ว่าอาหารจานนี้ไม่ได้อร่อยมาก หากได้รับคำวิจารณ์ตามความจริงแต่ไม่ใช้คำพูดเชิงลบ เชื่อว่าคนที่ทำอาหารจานนั้นรับกับคำวิจารณ์ได้แน่นอนค่ะ
3. เมื่อไรจะลดความอ้วน
การตั้งครรภ์ลูกหนึ่งคน ผู้หญิงจะต้องมีน้ำหนักเพิ่มประมาณ 10-15 กิโลกรัม เมื่อลูกคลอดออกมา ลูกเอาน้ำหนักออกไปเพียงแค่ 3-5 กิโลกรัมเท่านั้น ที่เหลืออยู่ที่แม่ทั้งหมดค่ะ ดังนั้นแม่หลังคลอดจึงมีน้ำหนักที่มากกว่าก่อนคลอดอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่มีภรรยาคนไหนอยากดูแย่ในสายตาของสามีตัวเองหรอกค่ะ แม่หลังคลอดทุกคนมีความทุกข์ใจในน้ำหนักที่เพิ่มมามากพออยู่แล้ว หากได้ยินคำพูดนี้จากปากสามีแล้วล่ะก็ แม่ลูกอ่อนต้องหมดความมั่นใจแน่ ๆ
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “พ่อว่าเรามาหาเวลาออกกำลังกายกันไหม จะได้มีสุขภาพดีและลดน้ำหนักไปในตัว”
หรืออาจจะพูดว่า “ถ้าอยากจะออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วน เดี๋ยวจะดูลูกให้นะ” คำพูดเหล่านี้ แสดงถึงความเข้าใจและความร่วมมือในการลดความอ้วน จึงจะทำให้แม่ลูกอ่อนรู้สึกดีและมีกำลังใจที่จะลดน้ำหนักได้อีกด้วย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ คำพูดแย่ ๆ ที่แม่ลูกอ่อนไม่อยากได้ยิน
4. ดูแลลูกยังไง ทำไมลูกร้อง
การที่เด็กทารกร้องไห้นั้น เป็นได้หลายสาเหตุ เช่น หิวนม ก้นแฉะ ง่วงนอน เป็นต้น ไม่ได้เกิดจากการละเลยการดูแลลูกของแม่ลูกอ่อน และเมื่อลูกร้องไห้ คนเป็นแม่ ก็ต้องการให้ลูกหยุดร้องเหมือนกันนั่นแหละค่ะ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าลูกต้องการอะไรกันแน่
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “ลูกร้องเพราะอะไร มีอะไรให้พ่อช่วยหรือเปล่า”
แทนที่จะว่าแม่ลูกอ่อน ลองเปลี่ยนเป็นมาช่วยกันหาสาเหตุที่ลูกร้องแล้วรีบทำให้หยุดร้องจะดีกว่านะคะ
ุ5. อยู่บ้านว่าง ๆ ลองหางานทำบ้างสิ
สำหรับแม่ฟูลไทม์ ที่อออกจากงานมาเลี้ยงลูก อยากให้เข้าใจกันก่อนนะคะว่าข้อแรก อยู่บ้านไม่ได้ว่างอย่างที่คิดค่ะ เราไม่เคยได้นอนเล่นสบาย ๆ นะคะ และข้อที่สอง ไม่มีใครไม่อยากออกไปทำงานหาเงินหรอกค่ะ เพราะเรามีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการเลี้ยงลูกยังไงล่ะคะ
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “ถ้าแม่เบื่อ ลองหางานที่ทำได้จากที่บ้านกันไหมแม่ จะได้มีเงินค่าขนมให้เจ้าตัวเล็ก”
แค่คำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว ก็ทำให้แม่ลูกอ่อนมีกำลังใจแล้วล่ะค่ะ เพราะนั่นหมายถึงว่าจะสามารถแบ่งเบาภาระของสามี และสามีก็จะคอยช่วยหนุนอีกด้วย
6. ทำไมวันนี้โทรมจัง
ผู้หญิงไม่ได้อยากโทรมให้ใคร ๆ เห็นหรอกค่ะ ถ้ามีเวลามากพอก็อยากจะแต่งตัวแต่งหน้าให้สวย ๆ ทั้งวัน แต่หลังจากอดหลับอดนอนมาหลายวัน ไหนจะปั๊มนม ตื่นมาให้นมทั้งคืน เวลาจะออกไปข้างนอก ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาแต่งตัว เพราะมัวแต่ไปเตรียมข้าวของให้ลูกอีก
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “วันนี้คงจะเหนื่อยมากมาก ไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวพ่อจะช่วยทำงานบ้านให้เอง”
เมื่อแม่ลูกอ่อนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ความสดใสก็จะเกิดขึ้นมาเองค่ะ
7. ขี้บ่นจังเลย ทำงานมาเหนื่อยๆ นะ
แม่ลูกอ่อนที่เลี้ยงลูกอยู่บ้านทั้งวัน วัน ๆ แทบไม่ได้เจอหน้าใครเลยนะคะ คนที่ได้เจอบ่อยที่สุดคือบุรุษไปรษณีย์ค่ะ ดังนั้น เมื่อสามีกลับถึงบ้าน แม่ ๆ ก็อยากจะแบ่งปันปัญหาหรือสิ่งที่เจอมาระหว่างวันของการเลี้ยงลูกก็เพียงเท่านั้น
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “สู้ๆ นะแม่ พ่อเข้าใจแม่ มีอะไรให้พ่อช่วยไหม”
หรือไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ เพียงแค่รับฟังแม่ลูกอ่อน ให้ได้ระบายก็เพียงพอแล้วค่ะ
8. เลี้ยงลูก ไม่ใช่หน้าที่ผู้ชาย
เด็กไม่ได้เกิดจากผู้หญิงฝ่ายเดียวใช่ไหมล่ะคะ ตราบใดที่ลูกยังเรียกพ่ออยู่ นั่นหมายถึงทั้งพ่อกับแม่จะต้องช่วยกันเลี้ยงให้เค้าเติบโตขึ้นมาค่ะ สำหรับแม่ลูกอ่อน เราไม่ได้ต้องการให้สามีมาดูลูกแล้วเรานั่งสบาย ๆ หรอกค่ะ อาจจะช่วยเล่นกับลูกบ้าง ระหว่างที่เราทำงานบ้านหรืออาบน้ำ
ลองเปลี่ยน คำพูดแย่ ๆ เป็น “ไปอาบน้ำให้สบายตัว สบายใจก่อนนะแม่ เดี๋ยวพ่อช่วยดูลูกให้เอง”
แค่ได้อาบน้ำ หรือกินข้าว โดยไม่ต้องรีบเร่งและสบายใจได้ว่าลูกมีคนดูแลอยู่ ก็เป็นความสุขสูงสุดของแม่ลูกอ่อนแล้วค่ะ
การเห็นใจกัน การเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ในช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยหรือยากลำบาก เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตคู่ อย่าปล่อยให้ คำพูดแย่ ๆ มาทำร้ายซึ่งกันและกันเลยนะคะ ด้วยความปรารถนะดีจาก Amarin Baby & Kids ค่ะ
อ่านบทความดี ๆ ต่อได้ที่นี่
12 ประโยคที่รับรองว่าคุณแม่ลูกอ่อนทุกคนอยากได้ยิน
ไม่อยากให้ครอบครัวพัง อย่าปล่อยให้แม่ต้อง เลี้ยงลูกคนเดียว
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่