กฎของการใช้ชีวิตคู่ จะช่วยลดการทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวได้ โดยหากพ่อและแม่ทำตามกฎ 5 ข้อนี้ ลูกก็จะถูกอบรมสั่งสอนไปในแนวทางที่พ่อและแม่ต้องการได้
5 กฎของการใช้ชีวิตคู่ เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องลูก
เมื่อคน 2 คน ตกลงใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คนทั้ง 2 คนย่อมต้องปรับตัวเข้าหากัน เพื่อให้อยู่ด้วยกันได้ยืนยาว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง การปรับตัวเข้าหากันก็จะยากยิ่งขึ้นไปอีก โดยปัจจัยที่เข้ามานี้ก็คือลูกน้อยที่น่ารักของคนทั้งคู่นั่นเอง เพราะทั้งพ่อและแม่ต่างก็ต้องการที่จะเลี้ยงลูกให้ได้ดีที่สุด โดยแน่นอนว่าทั้งพ่อและแม่ ต่างก็มีวิธีการเลี้ยงดูลูกที่แตกต่างกันไป ในความเห็นต่างนี้ ก็อาจเป็นชนวนเหตุให้ทะเลาะกันได้ ดังนั้น การตั้งกฎขึ้นมาเพื่อให้ทั้งคู่ทำตาม ก็จะช่วยให้การเลี้ยงดูลูกเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และยังช่วยประคองให้ชีวิตคู่มีความสุขอยู่เสมอ ๆ อีกด้วย
5 กฎของการใช้ชีวิตคู่ เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องลูก
- อย่าเถียงกันต่อหน้าลูก
เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ควรจะมาเอาชนะคะคานกันตรงนั้น หากไม่ใช่เรื่องด่วนหรือเรื่องที่ร้ายแรงอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะนำประเด็นที่เกิดขึ้นนี้มาปรึกษากันทีหลัง ว่าต้องการจะสอนลูกในแนวทางใด และอาจจะหาทางออกร่วมกันว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก จะต้องพูดและสอนลูกว่าอะไร เพราะหากทะเลาะกันต่อหน้าลูก แน่นอนว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องเริ่มพูดไม่ดีใส่กัน อาจจะพูดกันเสียงดัง เมื่อลูกได้เห็นเหตุการณ์นี้ สิ่งที่ลูกคิด คือ ทำไมพ่อต้องตะคอกใส่แม่ พ่อเป็นคนไม่ดีเลย หรือ ทำไมแม่ต้องตะโกนใส่พ่อ แม่ไม่ดีเลย เป็นต้น แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากดูไม่ดีในสายตาของลูกใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันต่อหน้าลูก ในทุกกรณีนะคะ
2. ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ลองให้อีกฝ่ายเป็นคนจัดการเรื่องนั้น ๆ เอง
คน 2 คนถูกเลี้ยงและเติบโตมาในที่ ๆ ต่างกัน แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะมีแนวทางการเลี้ยงลูกที่เหมือนกันไปหมด และเรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร คุณพ่อคุณแม่ลองปล่อยวางแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนสอนลูกไปในแนวทางของเขา โดยอีกฝ่ายต้องไม่เข้าไปแทรกหรือขัดในขณะที่อีกฝ่ายกำลังสอนลูกอยู่ เช่น ในขณะที่คุณแม่กำลังสอนลูกเรื่องการประหยัดอดออม ไม่ควรซื้อของเล่นทุกครั้งที่อยากได้ หากลูกวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ ให้ซื้อของเล่นให้ คุณพ่อควรจะบอกลูกว่าให้สิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องนี้กับคุณแม่ ดังนั้น ลูกต้องคุยกับคุณแม่เอง เป็นต้น
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ 5 กฎของการใช้ชีวิตคู่ เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องลูก
5 กฎของการใช้ชีวิตคู่ เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องลูก
3. โฟกัสที่ผลลัพธ์
ในเมื่อต้องการที่จะสอนลูกให้มีทักษะต่อโลกเหมือนกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม หากสอนไปในทางที่ถูกที่ควร ลูกก็จะได้ผลลัพธ์จากการสั่งสอนนี้เหมือนเดิม แล้วทำไมต้องสนวิธีการด้วยล่ะคะ ในเมื่อผลลัพธ์ที่ออกมาก็ได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น การต้องการสอนลูกเรื่องการช่วยเหลือตนเอง ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต้องการสอนให้ลูกเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตนเองได้ คุณพ่ออาจจะต้องการให้ลูกลองทำอะไรก็ตามด้วยตัวเองจนกว่าจะสำเร็จ คุณแม่อาจจะต้องการที่จะช่วยหาลูกยังทำสิ่ง ๆ นั้นไม่ได้ ให้คุณพ่อคุณแม่ลองตกลงกันก่อนว่าหากต้องการช่วย ให้รอให้ลูกลองทำสิ่ง ๆ นั้นด้วยตัวเองก่อนอย่างน้อย 2 ครั้ง หากไม่สำเร็จ คุณพ่อคุณแม่ค่อยช่วย ซึ่งสุดท้ายแล้ว ลูกก็จะเรียนรู้การทำสิ่ง ๆ นั้นได้ด้วยตนเองในที่สุด โดยอาจจะเร็วหรือช้าไปบ้าง แต่สุดท้าย ลูกก็จะทำเองได้ เป็นต้น
4. ให้ลูกมีส่วนร่วมในการออกความเห็น
อย่าลืมว่าลูกตัวน้อย ๆ ของเรา ก็เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองแล้วนะ แล้วทำไมไม่ลองถามความคิดเห็นลูกดูล่ะ ว่าลูกคิดเห็นอย่างไร? เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีความเห็นที่ต่างกัน ลองถามลูกดูว่าลูกมีความคิดเห็นอย่างไร (ความยาก-ง่ายของคำถาม ขึ้นอยู่กับวัยของลูก) การให้ลูกมีส่วนร่วมในการออกความเห็นนี้ นอกจากจะลดความขัดแย้งได้แล้ว ยังช่วยพัฒนาทักษะทางความคิดของลูกได้อีกด้วย
5. บันทึกแนวทางการสอนลูก
จดบันทึกว่าวันนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง และคุณพ่อคุณแม่ได้สอนสิ่งใดลูกไป การจดสิ่งเหล่านี้ไว้ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้ถึงแนวทางที่ต้องการสอนลูกในอนาคต และยังเป็นข้อมูลให้คุณพ่อคุณแม่ได้กลับมาอ่านเพื่อให้รู้ว่าได้สอนสิ่งใดให้ลูกไปแล้วบ้าง
เพราะการเลี้ยงลูกไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างมีแนวทางการเลี้ยงเป็นของตัวเอง สิ่งที่จะช่วยลดความขัดแย้งได้ คือการทำตามกฎทั้ง 5 ข้อนี้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ลองทำตามดูนะคะ หรืออาจจะนำกฎเหล่านี้ไปปรับให้เข้ากับครอบครัวของแต่ละบ้านก็ได้นะคะ
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เลี้ยงลูกอย่างไร? ให้ลูกมี พัฒนาการด้านอารมณ์ ที่ดี
4 กับดักชีวิตคู่ ทำลาย “ความสุข-ความสำเร็จ” ของลูก
เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ
ประโยชน์ของการเล่น “จ๊ะเอ๋” ที่พ่อแม่คาดไม่ถึง
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.popsugar.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่