สุดสัปดาห์นี้ มา“ทำสวน (ของ) ครอบครัว” กัน

อ่านเฉยๆ รับประกันว่าได้แค่อ่าน อ่านแล้วลงมือทำถึงจะได้ ได้รู้ว่าเรื่องไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่ก็สำคัญไม่แพ้กู้โลกเลยนา

ฉันกับแมรี่ อีลีน่า ลูกสาววัย 5 ขวบ ได้สัมผัสกระแสพิศวงนี้เมื่อหน้าร้อนที่แล้ว เราได้รื้อพื้นที่รกร้างเล็กๆ นอกบ้าน แล้วช่วยกันปลูกแครอทกับแรดิช “ฉันหาบัวรดน้ำรูปช้างอันเล็กมาให้เขาเป็นเจ้าของ ทุกเช้าพอรับบัวรดน้ำจากฉัน เขาจะวิ่งไปดูแลรดน้ำต้นไม้เล็กๆ เป็นอันดับแรก แววตาแสนซื่อของเขายามที่มองแปลงผักเติบโตช่างประเมินค่าไม่ได้เลย เขาภูมิใจกับแครอทที่ปลูกได้ก็เลยกินเป็นอาหารเย็นเสียหลายมื้อ แถมยังลองกินแรดิชโดยไม่ต้องแนะนำ บังคับ หน้าร้อนนี้เราจึงมีแผนจะขยายแปลงผักกันซะหน่อย”

ช่างเป็นประสบการณ์พิเศษตรงกับที่รีเบคก้า โคเฮน ผู้เขียน “15 Minutes Outside: 365 Ways to Get Out of the House and Connect With Your Kids” พูดถึงการทำสวนของครอบครัวว่า “การทำสวนเป็นประสบการณ์สร้างความผูกพันในครอบครัวที่ดีมาก เพราะสวนเป็นพื้นที่ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมโยงกับสมาชิกครอบครัวแต่ละคนได้ตลอดปี ไม่ว่าจะฤดูไหนๆ ก็มีพืชผักที่เหมาะกับช่วงเวลาต่างๆ ที่เราจะหามาปลูกหมุนเวียนกันไปได้ตลอด นอกจากนี้ทุกคนที่มาลงมือทำสวนยังได้อยู่ท่ามกลางอากาศสดชื่น ได้ออกกำลังกาย ขุด ลาก พรวนดิน ดึง เด็ด และปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ผักหรือผลไม้นานาชนิด

“ที่สำคัญเวลาได้อยู่นอกบ้าน ได้ออกกำลัง ก็มักจะอยากกินอาหาร พามือน้อยๆ พานไปเก็บผักสดๆ กินเอง เป็นวิธีกินของว่างแบบใหม่นั่นไง และเมื่อเด็กๆ โตขึ้นเขาก็จะชอบใจรสผักเป็นนักหนา” เป็นข้อสังเกตของโคเฮน

นอกจากความรัก ความผูกพันที่ได้แน่ๆ แล้ว โปรเจ็คท์สวนครอบครัวยังให้ประโยชน์หลายอย่างกับเด็กๆ ด้วย ทั้งส่งเสริมพัฒนาการและทักษะตามวัย ฝึกการอดทน รอคอย และยังช่วยการเรียนรู้เรื่องจำเป็นในชีวิตประจำวันอีกด้วย พร้อมได้ทดลองกลยุทธ์ผูกใจเด็กๆ ไว้กับสวนครอบครัว นี่แหละสำคัญ ใจไม่สน ตัวไม่อยู่ แล้วจะไปทำอะไรกันล่ะ

บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง