
ภาวะนี้เกิดขึ้นในเด็กแรกเกิดอายุ 2-3 วัน พบได้ทั้งทารกเพศชายและเพศหญิง ซึ่งไม่ใช่อาการผิดปกติแต่อย่างใด และจะยุบหายไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ชาวอังกฤษ ชื่อว่า แคลร์ เฮนเดอร์สัน ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพผ่านเฟสบุ๊กเตือนบรรดาคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย อย่าให้ใครมาหอมหรือจูบแก้มลูกน้อยพร่ำเพรื่อ เพราะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของลูกน้อยได้ เฮนเดอร์สันเล่าว่า บรู๊ค ลูกสาวของเธอลืมตัวดูโลกเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางญาติพี่น้องและเพื่อนๆ แวะเวียนมาเยี่ยมและแสดงความยินดีไม่ขาดสาย ในจำนวนแขกที่มาเยี่ยมนั้น ตนก็ไม่ทันระวังเพื่อนคนหนึ่งที่มีเชื้อไวรัส HSV-1 ต้นเหตุของโรคเริม สามารถติดต่อได้จากการจูบปาก หรือแม้แต่จูจุ๊บเบาๆ และหากเด็กทารกติดเชื้อไวรัสตัวนี้เข้าไปแล้วอาจทำอันตรายกับปอด รวมถึงตับและสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งนี้ อาการติดเชื้อไม่ได้แสดงออกทันที แต่อยู่มาคืนหนึ่งระหว่างป้อนนมลูก ตนสังเกตเห็นความผิดปกติ บรู๊คมีอาการบวมแดงที่ริมฝีปาก จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที แพทย์ระบุว่า โชคดีที่นำตัวหนูน้อยมาโรงพยาบาลทันเวลาเพราะอาการน่าเป็นห่วง โดยบรู๊คต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึง 5 วัน เฮนเดอร์สันจึงโพสต์ข้อความเตือนบรรดาคุณแม่คนอื่นๆให้ระมัดระหว่างอย่าใครจูบหรือหอมทารกแรกเกิด เพราะไม่อาจทราบได้เลยว่า ใครที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้ และหากพบเพื่อนหรือญาติคนใดมีแผลที่ปากให้รู้ไว้เลยว่าเป็นอันตรายต่อลูกน้อย ด้านผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดต่อ กล่าวถึงกรณีของหนูน้อยบรู๊คว่า เป็นเคสที่พบได้ยากแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย อย่างไรก็ตาม ทารกส่วนใหญ่ไม่ได้มีความเสี่ยงเพราะมีภูมิคุ้มกันจากแม่ ที่มา BuzzFeed ขอบคุณข้อมูลข่าวและภาพจาก : www.khaosod.co.th
ด.ช.เอ ลิ แมคกลาเทอรี่ วัย 4 เดือน จากรัฐแอละบามา มีความแตกต่างจากเด็กคนอื่น เพราะเกิดมาไม่มีจมูก ซึ่งแม่ของเด็กชายบอกว่าลูกชายสามารถหายใจได้ตามปกติ แต่คุณหมอทำการผ่าตัดหลอดลมเพื่อให้หายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ในกรณีของ ด.ช.เอลิ นี้ถือว่าหายากมาก มีคนที่มีอาการนี้และมีการบันทึกไว้เพียง 43 ราย เท่านั้นนับตั้งแต่ปี 2474 แม้สภาพเช่นนี้อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เพราะการที่ต้องรับประทานอาหารและหายใจในเวลาเดียวกัน แต่หลายคนที่ไม่มีจมูกก็สามารถดำรงชีวิตมาจนเติบใหญ่ได้ ด.ช.เอลิ สามารถรับการผ่าตัดศัลยกรรมได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนี้พ่อและแม่ของเด็กชายต้องการให้ลูกชายเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง เมื่อโตขึ้น ว่าอยากรับการผ่าตัดหรือไม่ แม่ของเอลิกล่าวว่า “เขาสมบูรณ์แบบแบบที่เขาเป็น” อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของเอลิมีราคาสูงมาก เพื่อนๆจึงเปิดแฟนเพจในเฟซบุ๊กเพื่อรับเงินช่วยเหลือ โดยสามารถคลิปเข้าไปได้ที่เฟซบุ๊กของ ด.ช.เอลิ แมคกลาเทอรี่ ที่ Facebook: Eli’s Story ขอบคุณข้อมูลข่าวและภาพจาก : www.bigza.com
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 0-2422-9999 ต่อ 4220
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4775
Email : [email protected]
0-2422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 18.00 น)
[email protected]