ในวัย 5 ขวบที่เป็นช่วงต่อระหว่างวัยเด็กเล็กและเด็กโตอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลว่าลูกของตนมีศักยภาพในการทำอะไรได้บ้าง ในวัยนี้เด็กน้อยหลายคนคงเข้าอนุบาลกันหมดแล้ว และเมื่อต้องห่างไกลสายตาไป คุณพ่อคุณแม่ก็ย่อมมีความเป็นห่วงว่าลูกของตนจะช่วยเหลือตัวเองได้ขนาดไหน สามารถทำอะไรตามคำสั่งได้หรือเปล่า ซึ่งสิ่งนั้นก็คือลูกของเรานั้นสามารถรับผิดชอบตนเองได้มากขนาดไหนในวัยเท่านี้ คำถามคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกของเรานั้นรู้จักความรับผิดชอบ และหากว่ายังไม่รู้ จะเริ่มสอนได้เมื่อไหร่ และต้องสอนอย่างไร เมื่อพูดถึงเรื่องความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจมองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะคำนี้สื่อไปถึงบุคลิกที่เชื่อมโยงกับสังคมในอนาคตของเจ้าตัวน้อยด้วย แต่จริงๆ แล้วความรับผิดชอบเริ่มต้นด้วยความหมายง่ายๆ และใกล้ตัวมากกว่าที่คิดค่ะ เราลองมาดูการสอนให้เด็กรู้จักความรับผิดชอบผ่านนิทานเรื่อง “งานแรกของมี้จัง” ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นกันดีกว่าค่ะ งานแรกของมี้จังเป็นเรื่องราวของเด็กหญิงมี้จังวัย 5 ขวบ ที่คุณแม่ได้ไหว้วานให้เธอช่วยออกไปซื้อนมที่ร้านชำใกล้บ้าน และมี้จังก็พยายามทำหน้าที่นั้นอย่างมุ่งมั่นและสำเร็จจนได้ แม้จะเจออุปสรรคบ้างก็ตาม อาจดูเป็นเรื่องที่ไม่ยากสำหรับผู้ใหญ่หลายๆ คน แต่การออกไปซื้อของนอกบ้านก็นับเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กคนหนึ่งเลยทีเดียว และหากมองตามเนื้อเรื่องเราก็จะเห็นได้ว่า ในประเทศญี่ปุ่นนั้นเด็กวัยเพียงเท่านี้ก็เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองได้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะนำแนวทางมาปรับใช้และสั่งสอนลูกของเราได้ การสอนเรื่องความรับผิดชอบแบบคนญี่ปุ่น การสอนเรื่องความรับผิดชอบแบบคนญี่ปุ่นเริ่มต้นตั้งแต่เข้าโรงเรียนอนุบาล เมื่อพ่อแม่พาเด็กมาส่งให้คุณครูที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนจะให้เด็กทำหน้าที่ของตนเอง เช่นการนำสิ่งของของตัวเอง อย่าง รองเท้า กระเป๋าที่นอน ผ้ากันเปื้อน ไปเก็บไว้ในที่ที่จัดเตรียมไว้ หลังจากนั้นจึงจะเข้าไปร่วมเล่นของเล่นกับเพื่อนๆ ได้ แม้เด็กเล็กอาจจะยังทำไม่ได้ทันทีในวันแรกๆ แต่คุณครูก็จะคอยช่วยบอกและพาเด็กไปทำสิ่งนั้นอย่างใจเย็น เพื่อให้เด็กเข้าใจว่าการช่วยเหลือตนเองเป็นสิ่งที่ควรทำ และเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำได้ ซึ่งสิ่งนี้จะสอดแทรกเข้าไปในชีวิตประจำวันของเด็กไปเรื่อยๆ ทำให้ตัวเด็กเกิดความคุ้นเคยและรับรู้หน้าที่ของตนเองได้ในที่สุด ให้เด็กดูแลรับผิดชอบเรื่องของตนเอง เช่นเดียวกับเรื่องมี้จังที่คุณแม่ของมี้จังไม่ได้บอกตรงๆ ว่าต้องทำอะไร แต่ใช้การมอบหมายงานง่ายๆ […]
จิ๋วหลิวผจญภัย อะจุ คะโต เรื่องและภาพ สิริพร คดชาคร แปล ดอกไม้ที่ขึ้นตามข้างทาง ใครเป็นคนปลูกเอาไว้นะ ดอกไม้ที่ฝาท่อ ดอกไม้ในสวนที่ไม่ได้มีคนดูแล ทำไมจึงยังเติบโตได้นะ? บางที ต้นไม้ดอกไม้เหล่านั้น อาจจะเติบโตและได้รับการดูแลจาก “จิ๋วหลิว” ก็ได้นะ จิ๋วหลิว ไม่ใช่แมลงแต่จิ๋วหลิวเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กจิ๋ว (ที่เด็กๆ อาจจะมองไม่เห็น) จิ๋วหลิวชอบกินกลีบดอกไม้ ใบไม้ แล้วก็ชอบดื่มน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ด้วยนะ แต่สิ่งที่จิ๋วหลิวไม่กินและเก็บไว้อย่างดีก็คือ เมล็ดดอกไม้ ครอบครัวจิ๋วหลิวเก็บเมล็ดดอกไม้เอาไว้อย่างดี แล้วพากันเดินทางไปหย่อนเมล็ดดอกไม้เหล่านั้นไว้ตามที่ต่างๆ ไม่ว่าในซอกเล็กๆ ตรงกำแพง ตามถนนคอนกรีต ปลูกเมล็ดดอกไว้ใต้ตะแกรง ปลูกไว้ที่สวนสาธารณะด้วยนะ การผจญถัยของจิ๋วหลิว นอกจากจะทำให้เด็กๆ ได้สนุกกับมุมมองของภาพที่แตกต่างไปจากปกติ นั่นคือ ได้เห็นภาพขนาดใหญ่จากมุมมองของจิ๋วหลิวที่ตัวเล็กจิ๋วแล้ว ยังได้สังเกตธรรมชาติรอบตัวไปพร้อมกับการเดินทางของจิ๋วหลิวอีกด้วย ได้เห็นต้นไม้ที่แปลกตา ดอกไม้ที่ไม่เคยรู้จักชื่อมาก่อน ระหว่างที่เดินไปปลูกเมล็ดดอกไม้เหล่านั้น มีต้นไม้ ดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามทางมากมาย หน้าตาของต้นไม้เหล่านั้นอาจจะไม่คุ้นตา (เพราะบ้านของจิ๋วหลิวในเรื่องคือญี่ปุ่น) แต่ก็ทำให้เด็กๆ ได้รู้จักพืชต่างถิ่นได้ เหมือนย่อโลกข้างนอกมาไว้ในหนังสือ ได้รู้จักดอกหน้าแมว ต้นเบอะคะปุ่ย ได้เห็นต้นส้มกบดอกเหลือง ได้เห็นเดซี่ป่า และต้นไม้อีกหลายต้น […]
แม่หนูอยู่ไหน อิเกะสุมิ ฮิโรโกะ เรื่องและภาพ ภัทร์อร พิพัฒกุล แปล เมื่อลูกหมีตื่นนอนแล้วไม่เจอแม่ ลูกหมีจะทำอย่างไรดีนะ ลูกหมีแก้ปัญหาด้วยการออกตามหาแม่ ระหว่างทางพบผู้คนมากมายที่คอยบอกทางให้ บางครั้งก็เหมือนจะใช่แม่ แต่ก็ไม่ใช่ แค่คล้ายๆ เท่านั้นเอง และสุดท้ายก็พบว่าแม่อยู่ใกล้กว่าที่คิด แต่ที่หาไม่เจอก็เพราะตกใจและไม่ทันได้มองให้ดีเสียก่อน จากเนื้อเรื่องคุณพ่อคุณแม่สามารถบอกเด็กๆ ได้ว่า หากพลัดหลงหรือหาพ่อแม่ไม่เจอ ให้ใจเย็นๆ ลองมองหารอบๆ ตัวให้ดีเสียก่อน แล้วยืนรอที่เดิม หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ นิทานเรื่องนี้ภาพสวย สะอาดและสบายตา ตัวละครเป็นสัตว์ที่เด็กๆ คุ้นเคย แม้เนื้อเรื่องจะเริ่มต้นด้วยความตกใจของลูกหมี แต่เมื่อออกเดินทางไปสักพัก จะมีความสนุกแทรกอยู่ ด้วยภาพที่ผู้แต่งออกแบบให้เป็นเขาวงกต ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นจุดเด่นเรื่องเลยทีเดียวค่ะ เมื่อภาพเป็นเขาวงกต ก็ทำให้การใช้เวลาในการอ่านแต่ละหน้าเพิ่มมากขึ้น เด็กๆ จะมีสมาธิ จดจ่อกับเรื่องและภาพได้มากขึ้น เพราะต้องดูว่าจะให้ลูกหมีเดินไปทางไหนดี เหมือนกับว่า ได้อ่านไปเล่นไป และการเล่นเกมเขาวงกตนั้น ยังช่วยให้เด็กๆ ได้พัฒนาทักษะการแก้ไขปัญหาอีกด้วย 1.เขาวงกตช่วยให้เกิดกระบวนการคิดและวางแผนแก้ไขปัญหา เขาวงกต เป็นเกมที่มีจุดเริ่มต้น และจุดสุดท้าย เมื่อเด็กๆ เห็นว่าทางที่ลูกหมีจะไปไม่ใช่ทางแบบธรรมดา เด็กๆ จะเกิดกระบวนการคิดเพื่อหาทางออก […]
บริษัท เอเอ็มอี อิมเมจิเนทีฟ จำกัด
ในเครือ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
Tel : 0-2422-9999 ต่อ 4510
Tel : 02-422-9999 ต่อ 4775
Email : [email protected]
0-2422-9999 ต่อ 4180
(จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 18.00 น)
[email protected]